โนบอดี้ เปิดไต๋ดึงพม่าผลัดโสร่งมานุ่งยีนส์
ตามดู “โนบอดี้” เปลี่ยนพฤติกรรมพม่า เปลี่ยนโสร่งมานุ่งยีนส์ ทำตลาดมา 8 ปี เปลี่ยนวัยรุ่นโดยเฉพาะกลุ่มผู้ชายมาใส่ยีนส์แล้วถึง 80%
ตามดู “โนบอดี้” เปลี่ยนพฤติกรรมพม่า เปลี่ยนโสร่งมานุ่งยีนส์ ทำตลาดมา 8 ปี เปลี่ยนวัยรุ่นโดยเฉพาะกลุ่มผู้ชายมาใส่ยีนส์แล้วถึง 80%
หลายคนคงเคยได้ฟังกรณีศึกษาในการอบรมนักขาย ว่ามีบริษัทรองเท้าแห่งหนึ่งส่งพนักงานไปขยายตลาดใหม่ที่เกาะแห่งหนึ่ง ส่งพนักงานคนแรกไป คนแรกพบว่าชาวเกาะไม่มีใครใส่รองเท้าเลย จึงรายงานกลับมาว่า คงไปขายรองเท้าที่เกาะนั้นไม่ได้ เพราะไม่มีใครใส่รองเท้าเลย แต่เมื่อส่งพนักงานอีกคนไป รายงานกลับมาว่า พบตลาดใหม่ที่ใหญ่มาก เนื่องจากยังไม่มีชาวเกาะคนไหนใส่รองเท้าเลย หากเปลี่ยนพฤติกรรมทำให้ชาวเกาะใส่รองเท้าได้ จะเป็นตลาดใหม่ที่ใหญ่มาก
เช่นเดียวกับการที่กางเกงยีนส์สัญชาติไทย ยี่ห้อ “โนบอดี้” ซึ่งเข้าไปทำตลาดในประเทศพม่า ที่รู้กันว่าวัฒนธรรมการแต่งกายทั้งชายและหญิงจะนุ่งโสร่ง โดยผู้ชายพม่าเรียกว่านุ่งลองจี (Longyi) ส่วนผู้หญิงเรียกว่านุ่งทัมมิน (Stamai)
พงศ์คณินท์ ตันติวศิน กรรมการผู้จัดการ และ พิมพ์พิชฎา ตันติวศิน กรรมการผู้จัดการร่วม บริษัท ยูเคเค อินเตอร์เทรด ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้ายี่ห้อโนบอดี้ กล่าวว่า จากการที่บริษัทได้หุ้นส่วนหรือพาร์ตเนอร์ที่ดีและเก่งในการทำตลาด มีแนวคิดในการทำธุรกิจหรือคอนเซปต์ธุรกิจเดียวกัน ละโส (Hla Soe) กรรมการผู้จัดการ Khattar Oo Company Ltd. ประเทศพม่า รวมทั้งเป็นกลุ่มที่มีเงินทุนแข็งแกร่ง
ผลดังกล่าวทำให้เสื้อผ้ายี่ห้อโนบอดี้เข้ามาเป็นผู้นำในตลาดเสื้อผ้า โดยเฉพาะกางเกงยีนส์ในประเทศพม่า ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเปิดรับการเปลี่ยนแปลง ตามการเปิดประเทศของพม่าช่วง 34 ปีที่ผ่านมา และพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ถูกเร่งเร้าจากเทคโนโลยีจากสื่อ เช่น ทีวีดาวเทียม สื่อออนไลน์ ผ่านโซเชียลมีเดีย ให้เปิดรับการแต่งตัวตามแฟชั่นมากขึ้น
เดิมบริษัทเป็นผู้ค้าส่งเสื้อผ้าในย่านประตูน้ำ โดยเป็นผู้ค้าส่งที่เน้นผลิตออกแบบกางเกงที่มีดีไซน์ และใช้วัตถุดิบคุณภาพดีนำเข้าจากต่างประเทศ พงศ์คณินท์ เล่าว่า “แม้ผมจะจบทางด้านวิศวะฟิสิกส์ ไปทำงานที่บริษัท ทีพีไอ อุตสาหกรรมปิโตรเคมีอยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นต้องการจะเปลี่ยนมาทำงานด้านการเงิน แต่แล้วทางพี่ชายที่อยู่ในวงการการ์เมนต์ ได้ชวนมาทำธุรกิจเสื้อ ซึ่งปกติเป็นคนชอบแต่งตัวอยู่แล้ว จึงตัดสินใจมาลองทำธุรกิจ และรู้สึกว่าเข้ากับจริต จึงเริ่มทำอย่างจริงจัง เดินทางไปฮ่องกง ไปสหรัฐอเมริกา เพื่อดูแนวโน้มแฟชั่น เพื่อมาออกแบบเสื้อผ้า ช่วงแรกยี่ห้อที่ประสบความสำเร็จมากของบริษัท คือ ยี่ห้อยูสเซด (USED) ส่งไปฟิลิปปินส์มากในช่วงที่อุตสาหกรรมการ์เมนต์เมืองไทยบูมช่วงปี 2530”
จากนั้นบริษัทได้ออกสินค้ามาอีกหลายยี่ห้อ มีผู้ค้าทั้งในและต่างประเทศมารับไปจำหน่าย โดยเฉพาะผู้นำเข้าจากพม่ามีการเพิ่มยอดสั่งซื้อสูงมาก จากสัญญาณดังกล่าวบริษัทจึงไปออกงานกับกรมการค้าต่างประเทศที่พม่า แต่งานนั้นผู้ที่เข้ามาเดินในงานเป็นผู้บริโภคทั่วไป ไม่ได้เป็นนักลงทุน หรือผู้จัดจำหน่าย ช่วงที่เหลืออีก 23 วัน บริษัทจึงจ้างไกด์ท้องถิ่นพาไปเดินตลาดและพบร้านค้าที่ขายกางเกงยี่ห้อโนบอดี้ แต่ไม่พบเจ้าของร้าน จึงฝากนามบัตรแจ้งให้ลูกจ้างที่ร้าน ช่วยแจ้งเจ้าของบริษัทให้มาเจรจาธุรกิจกัน โดยทางบริษัทจะรออยู่ที่โรงแรมเพื่อรอการติดต่อ หลังจากเจรจากันก็พบว่ามีแนวคิดการทำธุรกิจคล้ายกัน คือ เน้นสร้างแบรนด์ ทำธุรกิจระยะยาวมากกว่าแข่งขันตัดราคาอยู่ได้ช่วงสั้น จากนั้นมาจึงทำธุรกิจร่วมกันมากว่า 8 ปี มีการสร้างแบรนด์ด้วยการโฆษณา เช่น ตามนิตยสาร การจัดแฟชั่นโชว์ นำดารานักร้องมาใส่ยีนส์ ล่าสุดทางไทเกอร์เบียร์ได้สั่งยีนส์โนบอดี้ไปให้พนักงานใส่ขายเบียร์
ขณะแผนขยายไปประเทศอื่นเพื่อรับเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 ขณะนี้มีการส่งไปขายที่ กัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และไตรมาสแรกปีหน้าจะสรุปกับผู้จำหน่ายมาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้ซัพพลายวัตถุดิบให้บริษัทนำเข้าไปจำหน่าย
พิมพ์พิชฎา กล่าวว่า จากการร่วมกันสร้างแบรนด์และเข้าตลาดถูกจังหวะกับที่พฤติกรรมคนพม่าเปิดรับวัฒนธรรมการแต่งกายอื่นมากขึ้น แบรนด์ของโนบอดี้จึงติดตลาด มียอดสั่งซื้อเข้าครั้งละ 27 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับช่วงสินค้าขายดี หากเป็นเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์จะขายดีมาก บางสาขาขายได้ถึงวันละเป็น 1,000 ตัว
ด้านธุรกิจในเมืองไทย ทางกลุ่มมีธุรกิจหลัก 2 ประเภท คือ กลุ่มเสื้อผ้าที่มีรายได้หลักมาจากกลุ่มกางเกงถึง 70% ที่เหลือเป็นเสื้อและเครื่องแต่งกายอื่นๆ โดยกลุ่มเสื้อผ้ามีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้ลงทุนโครงการพิมพ์พิชฎา ที่เชียงใหม่ที่ดิน 16 ไร่ ราคาที่ดินซื้อมาช่วงที่ยังถูกมากราคา 60 ล้านบาท มาทำโครงการอาคารพาณิชย์ด้านหน้า 20 ห้อง ขณะนี้ขายไปได้แล้ว 15 ห้อง และมีแผนจะนำพื้นที่ด้านในที่เหลือมาทำบ้านเดี่ยว 55 หลัง ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท ขายไปแล้ว 10 หลัง
“จากที่เรามีประสบการณ์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เราก็สนใจจะลงทุนในพม่าเช่นกัน อาจจะเป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น ช่วงนี้อยู่ระหว่างศึกษาข้อมูล” พิมพ์พิชฎา กล่าว


