posttoday

เครื่องทุ่นแรงช่วตามหา...หุ้นตัวแรก

01 ธันวาคม 2556

เริ่มภารกิจ “ตามหา... หุ้นตัวแรก” กันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีใครไปลองกดเครื่องคิดเลขคำนวณ

เริ่มภารกิจ “ตามหา... หุ้นตัวแรก” กันไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีใครไปลองกดเครื่องคิดเลขคำนวณหาอัตราส่วนทางการเงิน ที่ช่วยคัดกรอง “หุ้นดีมีคุณภาพ” และ “หุ้นน่าลงทุน” ตามที่ อัจฉรา โยมสินธุ์ แนะนำ (ไว้ในหนังสือชื่อเดียวกับภารกิจของเรา) กันบ้างหรือยัง

แต่บอกได้เลยว่า ถ้าคิดจะใช้เวลาแค่ 1 สัปดาห์ กดเครื่องคิดเลขหา “เพชรเม็ดงาม” ที่ซ่อนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์คงจะยาก!

เพราะจากข้อมูล เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2556 ประเทศไทยมีหุ้นอยู่ทั้งหมด 581 บริษัท โดยเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวน 489 บริษัท และอีก 92 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)

และถ้ารวมเอากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนอีทีเอฟ ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrants) และใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) ซึ่งเรียกรวมๆ ว่า “หลักทรัพย์จดทะเบียน” จะมีมากถึง 1,260 หลักทรัพย์

เพราะฉะนั้นเพื่อทำให้การค้น “หุ้นในดวงใจ” ทำได้ง่ายขึ้น ต้องอาศัย “เครื่องทุ่นแรง”

เครื่องทุ่นแรงเหล่านี้จะทำงานแทนเรา โดยการออกไปค้นหาหุ้นที่เราชอบ หุ้นที่เราคิดว่าใช่ ไม่ว่าจะเป็น...

หุ้นที่มีกำไรสม่ำเสมอ

หุ้นที่มีการเติบโตต่อเนื่อง

หุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดี

หุ้นที่มีการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ

หุ้นที่มีราคาสมเหตุสมผล

โดยทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น

หลังจากลองไปมองหาเครื่องทุ่นแรง หรือโปรแกรมในการคัดกรองหุ้นจากหลายๆ แหล่ง ยอมรับเลยว่าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก เพราะมีอยู่หลากหลายโปรแกรมให้นักลงทุนเลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนที่เน้นเลือกหุ้นจากปัจจัยพื้นฐาน และนักลงทุนที่จับจังหวะเวลาโดยใช้เครื่องมือทางเทคนิค

นอกจากนี้ โปรแกรมที่มีอยู่มากมายนี้ยังมีทั้งเครื่องมือที่ใช้ได้ฟรีๆ กับเครื่องมือที่ต้องควักกระเป๋าจ่าย ซึ่งบางเครื่องมือก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แต่หลายคนยอมลงทุนกับเครื่องทุ่นแรง ด้วยเหตุผลว่า ถ้าอยากได้เพชรเม็ดโตกว่า ต้องลงแรงมากกว่า แต่ถ้าเวลาน้อยกว่า ก็ต้องใช้เครื่องมือที่ดีกว่า

แต่ก็ต้องเตือนนักลงทุนที่คิดจะนำ “ผลลัพธ์” ที่ได้จากเครื่องทุ่นแรงหรือโปรแกรม (ไม่ว่าจะฟรีหรือเสียเงิน) ต้องศึกษาให้มั่นใจว่า “เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้” เพราะความถูกต้องของข้อมูล และความทันสมัยของข้อมูล จะทำให้เพชรที่ขุดพบเป็นเพชรแท้ ไม่ใช่เพชรเทียม

SETSMART

ถ้าถามหาเครื่องมือที่มีความน่าเชื่อถือและมีข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นที่ถูกต้องมากที่สุด ก็น่าจะเป็นข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

SETSMART เป็นบริการข้อมูลที่พัฒนาขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยในนี้จะอัดแน่นไปด้วยข้อมูลปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน ข้อมูลทางสถิติที่สำคัญ ราคาซื้อขายในอดีต และที่สำคัญ คือ ข้อมูลอัตราส่วนทางการเงิน

เพียงคลิกเดียวก็ทำให้รู้ว่า อัตราส่วนราคาต่อกำไร (Price to Earnings Ratio: P/E) ของหุ้นแต่ละตัวเป็นเท่าไร ถูกหรือแพงเมื่อเทียบกับบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์

วิธีการใช้งานก็ไม่ยุ่งยากอะไร นักลงทุนมือใหม่ก็สามารถเข้าใจและหาข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายๆ

เพียงแต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายราคา 390 บาท สำหรับดูข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี และราคา 590 บาท เพื่อดูข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี โดยสามารถใช้งานได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ภายในเวลา 3 เดือน หลังจาก Login ครั้งแรก ผ่านเว็บไซต์ settrade.com

บัตร SETSMART มีขายอยู่ที่ร้านเซ็ทเทรด ดอท คอม (อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) ร้านซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ และศูนย์หนังสือจุฬาฯ

efin Smart Portal

ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนระยะยาวที่กำลังมองหาหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีเด่นที่หวังจะนอนกอดให้อุ่นใจ หรือนักลงทุนที่มองหาจังหวะการลงทุนตามสถานการณ์ หรือนักลงทุนประเภทเล่นสั้นขยันเทรด ก็สามารถใช้ประโยชน์จากโปรแกรม efin Smart Portal ได้เช่นเดียวกัน

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่กำลังตามหาหุ้นตัวแรกอย่างเรา เห็นฟังก์ชันต่างๆ ในโปรแกรมนี้แล้วอาจจะงงๆ ในช่วงแรก แต่คงไม่ยากเกินความสามารถ โดยเฉพาะฟังก์ชัน Top Performance Scan ที่ช่วยคัดกรองหุ้นที่เข้าตามาให้ เพราะเราสามารถกำหนด “เงื่อนไข” ต่างๆ ที่เราสนใจได้ถึง 11 ค่าพร้อมๆ กัน

ตัวอย่างเช่น สามารถกำหนดค่า P/E ในระดับที่เราคิดว่าเหมาะสม ไปพร้อมๆ กับการกำหนดตัวเลข Dividend Yield ที่เราสนใจ โดยไม่ลืมให้ความสำคัญกับอัตราส่วนทางการเงินที่แสดงให้เห็นว่าเป็นหุ้นดีมีคุณภาพ ทั้งการเติบโตของกำไร หนี้สินต่อทุน ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE)

หลังจากเรากำหนดตัวเลขอัตราส่วนทางการเงินที่พอใจลงไปแล้ว ระบบจะบอกได้ทันทีเลยว่า มีหุ้นตัวไหนบ้างที่ได้อย่างใจ

ถ้าสนใจอยากจะลองใช้ก็คงต้องยอมควักกระเป๋า ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดในเว็บไซต์ efinancethai.com กำหนดอัตราค่าบริการโปรแกรมนี้ไว้ 3 แพ็กเกจ (โดยแต่ละแพ็กเกจจะมีระดับการใช้งานที่ต่างกัน)

แพ็กเกจที่ราคาต่ำที่สุดอยู่ที่ 3,000 บาท สำหรับระยะเวลา 90 วัน แต่ราคาจะเป็น 1.03 หมื่นบาท ถ้าเลือกสมัครแบบรายปี ขณะที่แพ็กเกจที่ราคาสูงที่สุดใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชั่นจะอยู่ที่ 7,500 บาท สำหรับระยะเวลา 90 วัน แต่สมัครแบบ 365 วัน จะเท่ากับ 2.45 หมื่นบาท

StockRadars

ถ้าเข้าไปที่ Top Chart ใน App Store จะเห็นชื่อ StockRadars ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ของ Application ด้านการเงิน แต่ถ้าเลือกเฉพาะที่เปิดให้ดาวน์โหลดฟรี StockRadars มาเป็นอันดับ 1 น่าจะพอทำให้เห็นถึงความนิยมของ Application สำหรับค้นหาหุ้นในดวงใจ (สำหรับ Android เข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ Google Play)

หลังจากดาวน์โหลดมาแล้วจะมี “ฟังก์ชั่นพื้นฐาน” ที่สามารถใช้งานได้ฟรีอยู่ 2 ส่วน คือ Basic Radars สำหรับค้นหาหุ้น และ LTF Radars สำหรับค้นหาข้อมูลผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)

เมนูที่น่าสนใจ คือ “Top 24” ที่จะเรียงลำดับหุ้น 24 ตัวแรกที่มีผลงานดีในแต่ละหัวข้อ เช่น หุ้น 24 ตัวแรกที่จ่ายปันผลสูงที่สุด หุ้น 24 ตัวแรกที่มี P/E ต่ำที่สุด และยังเปรียบเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมให้เห็น

นอกจากนี้ สิ่งที่แตกต่างออกไป คือ กราฟราคาหุ้น เพราะแทนที่จะเป็นกราฟเส้นแบบที่นักลงทุนมือใหม่อย่างเราคุ้นเคยก็จะเป็นกราฟแท่งเทียน ซึ่งน่าจะถูกใจคนที่กำลังสนใจศึกษาการใช้ปัจจัยทางเทคนิค

แต่ถ้าสนใจค้นหาหุ้นด้วยวิธีการซับซ้อนขึ้น เฉพาะเจาะจงมากขึ้นต้องเสียเงินเพิ่ม ซึ่งมีให้เลือกดาวน์โหลดเพิ่มอีกหลายเมนู มีตั้งแต่ราคา 0.99 เหรียญสหรัฐ ไปจนถึง 149.99 เหรียญสหรัฐ แต่โดยส่วนใหญ่จะเป็นเมนูสำหรับ “พวกเทคนิเคิล”

ลองไปเล็งๆ ดูเมนูพิเศษที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มแล้ว มีเมนูหนึ่งที่น่าสนใจ คือ P/E Better Than Avg. ราคา 4.99 เหรียญสหรัฐ ซึ่งจะเป็นเมนูสำหรับค้นหาหุ้นที่มีค่า P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม (แต่แอบสารภาพว่ายังไม่ได้ดาวน์โหลด)

BrainBOX

ถ้าใครที่เป็นลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ก็จะได้ใช้โปรแกรม BrainBOX ช่วยค้นหาหุ้นแบบฟรีๆ ซึ่งเท่าที่ไปยืนฟังเจ้าหน้าที่อธิบายในงาน SET in the City 2013 เมื่อสัปดาห์ก่อน ดูแล้วใช้งานง่าย เข้าใจง่าย แถมยังมีคำอธิบายเพิ่มเติมสำหรับนักลงทุนมือใหม่อีกด้วย

โปรแกรม BrainBOX จะมีอยู่ 3 ฟังก์ชัน คือ Technical Insight, Value Analyzer และ Newsletter

Technical Insight จะช่วยค้นหาหุ้นที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นและลงตามสัญญาณทางเทคนิคต่างๆ โดยที่เราไม่ต้องรู้เรื่องเทคนิคเลย เช่น เราสามารถหาหุ้นที่มีความเป็นไปได้ที่จะขึ้น 15% หรือลง 15%

Value Analyzer จะช่วยค้นหาหุ้นที่มีราคาปัจจุบันต่ำกว่าราคายุติธรรม หรือหุ้นราคาถูก และมีปัจจัยพื้นฐานดีให้เราแบบอัตโนมัติ หรือเราจะคัดกรองโดยกำหนดค่าต่างๆ ได้เองจากเมนูที่มีอยู่แล้ว เช่น การเติบโตของกำไร ความต่อเนื่องในการทำกำไร การประเมินมูลค่า และอัตราเงินปันผลตอบแทน ซึ่งเหมาะมากๆ สำหรับการค้นหาหุ้นตัวแรก

Newsletter ระบบจะส่งอีเมล เพื่อบอกว่าตอนนี้มีหุ้นอะไรบ้างที่มีแนวโน้มจะขึ้นและลง โดยดูจากปัจจัยทางเทคนิค

นอกจากจะกำหนดค่าต่างๆ ได้เองแล้ว ยังสามารถตั้งค่าให้ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีหุ้นที่เข้าเงื่อนไขต่างๆ ที่เราตั้งไว้

ภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) บอกว่า โปรแกรมนี้ตั้งใจออกแบบมาสำหรับลูกค้าคนไทยโดยเฉพาะ

Siam Chart

ต้องขอบคุณโลกออนไลน์ที่มีโปรแกรมค้นหาหุ้นแบบฟรีๆ ให้เลือกใช้ แต่หนึ่งในโปรแกรมค้นหาหุ้นฟรีที่น่าสนใจ คือ Thai Stock Chart List ในเว็บไซต์ siamchart.com

หลังจากเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์จะมีเมนูให้เลือกว่า เราสนใจจะดูข้อมูลด้านไหน ก็เลือกไปที่เมนูนั้น เช่น เราสนใจจะค้นหาหุ้นในดวงใจก็เลือกไปที่เมนู Stock แล้วก็เลือกหัวข้อ Stock List

เมื่อคลิกเข้าไปแล้วจะมีช่องว่างให้เราใส่ตัวเลขเพื่อกำหนดค่าที่เราต้องการ เช่น P/E, P/BV, D/E, ROA, ROE และ Yield% หลังจากกำหนดค่าต่างๆ ที่เราต้องการแล้ว กดปุ่ม FILTER เพียงเท่านี้ ระบบจะคัดกรองหุ้นออกมาให้เราทันที

ขอบคุณเครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ ที่ช่วยให้การขุดเพชรในตลาดหุ้นเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"