สุนทรีย์แห่งการกิน
ใกล้สิ้นปีเข้ามาแล้ว ผมเลยเร่งสะสางงานที่ค้างเอาไว้ให้เรียบร้อยเผื่อจะได้แวบไปเที่ยวหาความรู้เพิ่มเติมช่วงปลายๆ ปีบ้าง หลังจากหยุดทำรายการอาหารแนวคิด “คิดเช่นคุณ/Kitchen Khun” ทางช่อง 11 มาได้ 2 ปีกว่าแล้ว แต่ก็ยังแอบดีใจที่มีแฟนๆ ในเฟซบุ๊กเข้ามาทักทายอยู่เรื่อยๆ ถามถึงสารทุกข์สุกดิบต่างๆ ประกอบกับอาจารย์เดชา ผู้ดำเนินรายการและผู้สร้างสรรค์รายการร่วมกับผมบอกมาว่ามีเวลาว่างแล้ว กลับมาทำอะไรเล่นสนุกกับ “คิดเช่นคุณ” กันดีกว่า
ใกล้สิ้นปีเข้ามาแล้ว ผมเลยเร่งสะสางงานที่ค้างเอาไว้ให้เรียบร้อยเผื่อจะได้แวบไปเที่ยวหาความรู้เพิ่มเติมช่วงปลายๆ ปีบ้าง หลังจากหยุดทำรายการอาหารแนวคิด “คิดเช่นคุณ/Kitchen Khun” ทางช่อง 11 มาได้ 2 ปีกว่าแล้ว แต่ก็ยังแอบดีใจที่มีแฟนๆ ในเฟซบุ๊กเข้ามาทักทายอยู่เรื่อยๆ ถามถึงสารทุกข์สุกดิบต่างๆ ประกอบกับอาจารย์เดชา ผู้ดำเนินรายการและผู้สร้างสรรค์รายการร่วมกับผมบอกมาว่ามีเวลาว่างแล้ว กลับมาทำอะไรเล่นสนุกกับ “คิดเช่นคุณ” กันดีกว่า
ผมรีบตอบรับทันทีเลยครับ ก็คงจะเริ่มทำรายการโดยใช้บทความและข้อเขียนลงในหน้าเพจไปเรื่อยตามสไตล์รายการของเราครับ ส่วนเทปรายการที่ออกอากาศไปแล้วนั้นกำลังตัดต่อใหม่เพื่อลงในยูทูบอยู่ครับ ท่านผู้อ่านคงสงสัยว่าความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวข้องอะไรกับอาหาร หรือเป็นแค่เรื่องราวที่นำมาผูกเข้าด้วยกันตามสมัยนิยมเฉยๆ มาดูกันดีกว่าครับ
เลโอนาร์โด ดา วินชี กล่าวไว้ว่า กิจกรรมต่างๆ ที่มนุษย์ได้ทำต้องใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น คือ ตาดู หูฟัง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส ผิวสัมผัส ก็ใช้ประสาทสัมผัสได้ไม่พร้อมกันทุกชนิด แต่มีเพียงกิจกรรมเดียวเท่านั้นที่ให้มนุษย์ได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมดประสานกันนั่นคือการทำอาหารนั่นเอง
นอกจากนั้น สิ่งที่สำคัญต่อมาคือยังได้ความรู้สึกพึงพอใจและประทับใจเมื่ออาหารนั้นสำเร็จหรือได้ลิ้มรสอาหารนั้นๆ จากความเกี่ยวข้องดังกล่าว ทำให้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำอาหารจึงเกิดขึ้น อาหารก็เลยมีการสืบทอดและพัฒนารูปแบบมาตลอดจนเรียกได้ว่าเป็นวัฒนธรรมอาหาร และในเมื่อมนุษย์บริโภคอาหารโดยให้ความสำคัญในรายละเอียดส่วนประกอบ โดยวัดความพึงพอใจจากประสาทสัมผัสแล้วนั้น สุนทรีย์แห่งการกิน ดื่ม และปรุงอาหารก็เลยเป็นศาสตร์ที่มนุษย์พึงเรียนรู้เพื่อใช้ในสังคมต่อไป
“จำเป็นหรือไม่ที่ต้องเรียนรู้วิธีการกินดื่มต่างๆ ตอบได้ทันทีเลยว่าไม่จำเป็นถ้าเราไม่ชอบ แต่อย่างที่บอกไว้แล้วว่าอาหารคือวัฒนธรรม การเรียนรู้วัฒนธรรมเอาไว้เป็นความรู้ส่วนตัวก็ล้วนเป็นประโยชน์และเสริมศักยภาพให้กับตัวเราทั้งสิ้น ผมอยากให้คอลัมน์นี้เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะแบ่งปันข้อมูล ประสบการณ์ และความรู้ทางด้านอาหารในแขนงต่างๆ ทั้งในบทบาทของผู้ผลิต ผู้ปรุง จนไปถึงผู้บริโภคอย่างครบวงจร
อย่าลืมนะครับ อ่านแล้วอยากแสดงความเห็นอะไรก็สละเวลาอีเมลกันเข้ามาคนละนิดคนละหน่อยนะครับ แล้วผมจะเอาหัวข้อเหล่านี้ไปให้อาจารย์เดชาวิเคราะห์ แล้วกลับมาเล่าให้ท่านผู้อ่านต่อนะครับ
ปีนี้อากาศคงจะเย็นสบายกว่าที่ผ่านมา แม้ว่าบรรยากาศรอบบ้านการเมืองจะไม่เย็นไปด้วยก็ตาม เรื่องที่สำคัญที่สุดที่อยากให้ท่านผู้อ่านกลับมามองคือปากท้องของตนเองและครอบครัว เรื่องอื่นๆ ที่ทำให้เราอารมณ์รุนแรงพลุ่งพล่านก็อย่าไปฟังเยอะนะครับ ลองมาใช้อาหารกล่อมเกลาจิตใจกันบ้าง ลองคิดเมนูอาหารประจำวันเอาไว้ล่วงหน้าสิครับ จะซื้อกินหรือทำเองก็ได้ ผมเชื่อว่าสุนทรีย์แห่งการกินดื่มจะช่วยทำให้เราผ่อนคลายได้และเข้าใจว่าในการดำเนินชีวิตนั้นมีหลายแง่หลายมุมที่ต้องขบคิดและทำความเข้าใจ
อุปมาว่ายาจกต่อยกับเศรษฐี เจ็บปวดฟกช้ำพอกันแต่ยาจกก็ยังคงจนเหมือนเดิม เศรษฐีก็ไม่ได้รวยน้อยลงหรอกครับ เดินทางที่เราและครอบครัวของเรามีความสุขและไม่เบียดเบียนผู้อื่นกันเถอะครับ


