ส่องน้ำเมาหลังปรับราคาวิสกี้นำเข้าอ่วมหันซดเหล้าไทย

โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย

ช่วงเวลากว่า 2 เดือน หลังกรมสรรพสามิตปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ ไวน์ โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้สภาพ ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เริ่มนิ่ง สัญญาณที่พบคอทองแดงจากที่ดื่มวิสกี้นำเข้า หันไปดื่มเหล้าไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่การขึ้นราคาไม่ได้มีผลทำให้ตลาดเบียร์มูลค่ากว่า 1.4 แสนล้านบาทสะเทือน

มิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ รองประธานบริษัท ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ ผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าส่งและปลีก จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า สภาพตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้าสี เบียร์ เหล้านำเข้า หลังจากปรับราคาเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยตั้งแต่ 2300 บาทขึ้นไป โดยวิสกี้นำเข้าเป็นตลาดเดียวที่มียอดขายลดลงอย่างชัดเจน เนื่องจากสินค้าปรับราคาเพิ่มขึ้นมากถึงขวดละ 25–300 บาท

ทั้งนี้ พบว่าพฤติกรรมของผู้ซื้อหันไปซื้อเหล้าไทย โดยเฉพาะเหล้าเบลนด์ 285 ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี หรือบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ เพราะราคาปรับขึ้นเพียง 15 บาท ขนาด 700 มล. จาก 229 บาท เป็น 244 บาท หรือกระทั่งกลุ่มเหล้าสีหงส์ทอง เพิ่มจาก 188 บาท เป็น 230 บาท และแสงโสม เพิ่มจาก 226 บาท เป็น 251 บาท

ขณะที่การปรับราคาเหล้านำเข้า อาทิ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ก เลเบิ้ล ขนาด 1 ลิตร จาก 1,300 บาท เป็น 1,545 บาท และเรด เลเบิ้ล 1 ลิตร จาก 845 บาท เพิ่มเป็น 946 บาท ชีวาส 1 ลิตร จาก 1,200 บาท เพิ่มเป็น 1,500 บาท ส่วนเหล้าเซ็กเมนต์สแตนดาร์ด อาทิ ฮันเดรดไพเพอร์ส ขนาด 1 ลิตร เพิ่มจาก 375 บาท เป็น 400 บาท เบนมอร์ จาก 425 บาท เป็น 480 บาท

สำหรับตลาดเบียร์และเหล้าขาว อัตราการซื้อร้านค้าปลีกรายย่อยและผู้ซื้อเพื่อดื่มเองอยู่ในภาวะปกติ ยอดขายไม่ได้ลดลง เพราะเป็นเครื่องดื่มที่ปรับราคาขึ้นน้อย จึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการดื่มลดลง หรือเปลี่ยนจากการดื่มเบียร์มากินเหล้าขาวแทน

สมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่งปลีกไทย กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เริ่มนิ่ง หลังจากเหล้า เบียร์ปรับราคาทุกรายการแล้ว โดยผลจากการปรับราคาขึ้น พบว่าผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้าเพียงแค่ 12 สัปดาห์เท่านั้น หลังจากนั้นยอดขายก็กลับมาเป็นปกติ

อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการซื้อหรือดื่มของผู้บริโภคมีความเปลี่ยนแปลงบ้าง เช่น จากเดิมซื้อเบียร์ 3 ขวดต่อครั้ง เป็นเหลือ 2 ขวดครั้ง หรือซื้อน้อยลงแต่ความถี่มากขึ้น และเชื่อว่าในไตรมาส 4 ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมีความคึกคัก แม้เศรษฐกิจจะไม่ดี กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง แต่นิสัยคนไทยชื่นชอบการดื่มเพื่อเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อยู่แล้ว

ปริญ มาลากุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการองค์กร บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์ไฮเนเก้น กล่าวว่า หลังจากค่ายเบียร์ปรับราคาขึ้นเกือบ 2 เดือนมานี้ ตลาดเบียร์มูลค่า 1.4 แสนล้านบาท ไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือได้รับผลกระทบจากการปรับราคา แต่ช่วง 2 สัปดาห์แรกที่ราคาขึ้น ผู้บริโภคอาจจะช็อกแห่ซื้อสินค้าเก็บเป็นสต๊อก

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไฮเนเก้นเป็นเบียร์เพียงแบรนด์เดียวที่ไม่ได้ปรับราคาขึ้น ขนาด 630 มล. ราคา 7274 บาท และยังไม่มีแผนจะปรับราคาขึ้น ซึ่งไม่มีผลทำให้ผู้บริโภคที่เคยดื่มเบียร์ระดับสแตนดาร์ดเปลี่ยนมาดื่มเบียร์ระดับพรี่เมียม แม้ว่าช่องว่างของราคาจะลดลงไปก็ตาม จากปัจจุบันเบียร์สิงห์จำหน่ายขวดละ 59 บาท เนื่องจากผู้บริโภคเบียร์ส่วนใหญ่มีแบรนด์รอยัลตี้

ฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์สิงห์ กล่าวว่า ปีนี้ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในไตรมาส 4 อาจจะไม่มีความคึกคักมากนัก จากปกติในช่วง 2 เดือนสุดท้าย หรือระหว่างเดือน พ.ย.ธ.ค.นี้ ผู้บริโภคจะออกมาจับจ่ายใช้สอยและดื่มเพื่อต้อนรับลมหนาว และเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่

จากภาพรวมตลาดน้ำเมาที่ปีนี้มีปัจจัยลบ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และต้นทุนขึ้นจากภาษีสรรพสามิตที่ปรับขึ้นดังกล่าว ทำให้ปลายปีนี้แต่ละค่ายต้องปรับกลยุทธ์กันจ้าละหวั่น “ปีนี้มีปัจจัยลบรุมเร้าตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายด้าน ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี กำลังการซื้อของผู้บริโภคลดลง การปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลให้ราคาต้องปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ไม่สามารถประเมินได้ว่า บรรยากาศลานเบียร์ที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือนพ.ย.นี้จะมีทิศทางเป็นอย่างไร” ฉัตรชัย กล่าว

การปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในครั้งนี้ มีผลทำให้ทุกค่ายต้องปรับกระบวนทัพการทำตลาดกันใหม่ เหลือเพียงไม่กี่วันลมหนาวกำลังจะมาเยือน แต่การตลาดที่ดูแผ่วลงไปเยอะ ทั้งค่ายสิงห์ ไฮเนเก้น หรือกระทั่งค่ายวิสกี้นำเข้า ดิอาจิโอฯ และเพอร์นอต ริคาร์ด งานนี้ค่ายใดจะโกยยอดขายในช่วงไฮซีซั่นนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ต้องจับตารอดูกันต่อไป