จีนปลื้มลำไยไทย‘สวัสดี’เร่งบุกตลาด
จีนฮิตลำไยไทย วิสาหกิจชุมชนลำพูนเปิดตัวแบรนด์ สวัสดี ลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง ลุยตลาดส่งออก
จีนฮิตลำไยไทย วิสาหกิจชุมชนลำพูนเปิดตัวแบรนด์ สวัสดี ลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง ลุยตลาดส่งออก
น.ส.ปิยะภรณ์ สมพงษ์ เจ้าของธุรกิจ สวัสดี ลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ลำไย เป็นสินค้ายอดนิยมของกลุ่มลูกค้าชาวจีน และมีความนิยมสูงมาก ซึ่งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านริมร่อง จ.ลำพูน ได้เปิดตัวแบรนด์ สวัสดี ลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง เข้ามาทำตลาดในประเทศช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จึงมีแผนขยายช่องทางจำหน่าย
ทั้งนี้ ได้เตรียมนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายใน ศูนย์จำหน่ายสินค้าโอท็อป ของศูนย์การค้าปลอดภาษี คิง เพาเวอร์ ด้วย คาดว่าจะเริ่มได้ในช่วงปลายปีนี้ รวมทั้งสนใจทำตลาดในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน มีศักยภาพมาก และมีต้องการสินค้าประเภทลำไยสูงมาก คาดว่าจะเริ่มทำตลาดในปีหน้า
นอกจากนี้ ได้ร่วมงานแสดงสินค้าในประเทศอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับร่วมงานแสดงสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอท็อป) ที่จัดโดยกรมการพัฒนาชุมชนด้วย และทำตลาดผ่านเว็บไซต์ www.sawasdeelongan.com ทำให้สินค้าได้รับการตอบรับที่ดี และมีลูกค้าหน่วยงานรัฐสั่งจองซื้อสินค้าจำนวนมาก รวมถึงลูกค้าในประเทศที่นิยมซื้อเป็นของฝากด้วย
สำหรับผลิตภัณฑ์แบรนด์สวัสดี เป็นการแปรรูปของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านริมร่อง จ.ลำพูน ที่ได้แปรรูปลำไยเนื้อสีทองที่มีในพื้นที่จำนวนมาก มาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ และอยู่ในบรรจุภัณฑ์สวยงาม ทันสมัย ซึ่งได้ใช้งบลงทุนพัฒนาสินค้าและสร้างโรงงานผลิตสินค้ารวม 3 ล้านบาท
สำหรับ สวัสดีลำใยอบแห้งเนื้อสีทอง ได้รับรางวัล ชนะเลิศอันดับที่หนึ่ง กลุ่มประเภทอาหาร ของ การประกวดสินค้าโอท็อป ประจำปี 2556 จัดโดยกรมการพัฒนาชุมชน ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ลำไยอบแห้งเนื้อสีทอง มีราคาขายอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 450500 บาท ซึ่งการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทำให้มีมูลค่าสูงขึ้น หากเป็นลำไยอบแห้งธรรมดา มีราคาขาย 300 บาท ต่อ กก.เท่านั้น
“ได้เข้ามาทำธุรกิจต่อจากครอบครัว ที่ทำธุรกิจส่งออกเนื้อลำใยไปประเทศจีน เพราะในพื้นที่มีลำใยเนื้อสีทองจำนวนมาก จึงเห็นโอกาสและสนใจสร้างแบรนด์ และเข้าไปร่วมอบรมของหน่วยงานภาครัฐ ทั้งกรมพัฒนาชุมชน และหน่วยงานต่างๆ พร้อมกับทำบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้สวยงาม หลังทำตลาดมา 1 ปีประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้” น.ส.ปิยะภรณ์ กล่าว
น.ส.ปิยะภรณ์ กล่าวว่า ได้ตั้งเป้าหมายว่า จะสร้างยอดขายเติบโตปีละ 10% และต้องการนำลำไยมาแปรรูปและพัฒนาให้เป็นสินค้าให้หลากหลายมากขึ้น เพราะในพื้นที่ จ.ลำพูน ถือเป็นแหล่งปลูกลำไยมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย
“อยากกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่ใน จ.ลำพูน หันมาสืบทอด ต่อยอดภูมิปัญญาที่มีอยู่ในท้องถิ่น สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลำไยของจังหวัดมากที่สุด เพราะใน จ.ลำพูนมีนิคมอุตสาหกรรม ทำให้คนรุ่นใหม่หันไปทำงานในโรงงานแทน ซึ่งมีความเสี่ยงอาจถูกเลิกจ้าง มีความไม่แน่นอนสูง ทั้งที่ภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่นมีคุณค่าและมีประโยชน์มาก” น.ส.ปิยะภรณ์ กล่าว


