หมอ บริการ เครื่องมือส่วนสำคัญธุรกิจคลินิก

โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน

นับวันธุรกิจความงามและคลินิกเสริมสวย เสริมหล่อ เปิดตัวขึ้นในประเทศอย่างมากมาย เพราะไลฟ์สไตล์ของคนที่เปลี่ยนไป หันมาสนใจสุขภาพและดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นในทุกวัย แต่คลินิกที่เปิดขึ้นจำนวนมาก ทำให้ผู้บริโภคเริ่มมีคำถามคลินิกแต่ละแห่งมีความแตกต่างกันอย่างไร

คุณหมอรุ่นใหม่ไฟแรง “ดิสพงศ์ ปณิฐาภรณ์” และ “นิโลบล เจริญวุฒิ” ผู้ก่อตั้งคลินิกความงามและเลเซอร์ภายใต้ชื่อ “The Demis” หรือ “เดอะ ดีมีส คลินิค” ร่วมกับคุณหมอ ที่อยากเปิดคลินิกให้บริการเพียง 2 สาขา และไม่ได้อยากเปิดสาขาเป็นร้อยแห่งเหมือนรายอื่น แต่อยากมุ่งให้บริการที่ดีสุดแก่ลูกค้าแทน เพราะหากเปิดสาขาจำนวนมาก แต่การให้บริการไม่ดี จะมีผลกระทบต่อความน่าเชื่อและความเป็นแพทย์อย่างแน่นอน

“เดอะ ดีมีส คลินิค” เป็นคลินิกความงามและเลเซอร์อย่างครบวงจร ใน 5 ด้านที่สำคัญคือ 1. สิว 2.รอยกระ 3.กระชับหน้า 4.กระชับตัว และ 5. กำจัดขน ที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ เพราะในแต่ละปี บริษัทจะลงทุนซื้ออุปกรณ์ใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทปัจจุบันเปิดให้บริการ 2 สาขา ได้แก่ สยามสแควร์ ซอย 2 และเพียวเพลส อเวนิว และมีนโยบายไม่เน้นขยายสาขาจำนวนมาก เพราะหากการให้บริการไม่ดีจะมีผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือและความเป็นแพทย์ได้

“หมอไม่อยากแลกอาชีพทั้งหมดที่มี จึงไม่อยากเปิดสาขาเยอะ แต่อยากทำให้สาขาที่มีอยู่ 2 แห่งมั่นคงที่สุด และให้บริการที่ดีแก่ลูกค้า คิดแต่ว่าจะหาเครื่องมืออะไรที่ดีสุดมาให้บริการแก่ลูกค้า” คุณหมอดิสพงศ์ กล่าว

ขนาดพื้นที่ 100 ตร.ม. ต่อสาขา โดยสาขาสยามสแควร์ มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการต่อวัน 100 คน และเพียว เพรส อเวนิว มีลูกค้าใช้บริการ 50 คนต่อวัน จึงมีแผนย้ายสาขาใหม่เพื่อเพิ่มพื้นที่สาขาให้บริการ และใช้งบลงทุนย้ายสาขาใหม่รวม 10 ล้านบาท

สำหรับสิ่งสำคัญที่สุดของการทำคลินิกคือ ลูกค้าต้องเชื่อมั่น ไว้ใจ และให้บริการที่ดีที่สุด พร้อมกับมุ่งใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ และราคาสูง นำเข้าจากสหรัฐ มีราคาเครื่องมือตั้งแต่ 3 ล้านบาท จนถึงระดับเกิน 10 ล้านบาท เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ลูกค้า” ดิสพงศ์กล่าวนอกจากเครื่องมือแล้ว หมอก็เป็นหัวใจของคลินิกเช่นกัน ที่ ดีมีสฯ มีหมอ 2 คน ทำหน้าที่ดูแลคนไข้ทั้งหมด และมีหมอที่มาทำงานนอกเวลา (พาร์ตไทม์) 2 คนเท่านั้น เพื่อจึงการันตีได้ว่า มีหมอมาดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพราะการให้บริการคือ รากฐานของคลินิก

จุดแตกต่างที่ “เดอะ ดีมีส คลินิค” มีอีกด้านคือ การพัฒนาบุคลากรที่เป็นเรื่องยากและท้าทายมาก เพราะต้องให้พนักงาน ที่มีจำนวน 1020 คนต่อสาขา พัฒนาขีดความสามารถให้สูงสุด และพร้อมให้บริการอย่างจริงใจแก่ลูกค้า บริษัทจึงอบรมพนักงานในทุกไตรมาส และเชิญคนดังมาให้ความรู้แก่พนักงาน แม้ว่าค่าใช้จ่ายสูง แต่เป็นสิ่งจำเป็น เพราะบุคลากรก็คือส่วนผสมสำคัญของธุรกิจเช่นกัน

ด้านแผนการตลาด เน้นผ่านสื่อออนไลน์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และได้รับผลดีจากลูกค้าบอกปากต่อปาก พร้อมกับมีคนดังมาใช้บริการ จึงส่งผลดีให้ลูกค้ารู้จักมากขึ้น เห็นได้จากช่วงแรกที่เปิดสาขามีลูกค้าใช้บริการ 1 คนต่อวัน แต่ผ่านมาถึงปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 50100 คน ในแต่ละสาขา

ขณะที่ หลักการบริหารคลินิก ก็ใช้วิธีการเรียนเพิ่มเติมในสถาบันและมหาวิทยาลัยเป็นคอร์สสั้นๆ พร้อมกับใช้ที่ปรึกษา คือ เพื่อน ที่ทำธุรกิจด้านต่างๆ และให้คำแนะนำช่วยเสริมความรู้ ทำให้การบริหารงานผ่านไปได้ด้วยดี มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการตั้งแต่วัยรุ่นอายุ 15 ปีที่มีปัญหาสิว จนถึงวัย 7080 ปีที่เข้ามาใช้บริการด้านยกกระชับผิวหน้า มีราคาการให้บริการตั้งแต่ 1,000 บาทจนถึง 1 หมื่นบาทขึ้นไป

นอกจากนี้ ยังได้ขยายธุรกิจไปสู่การทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ภายใต้แบรนด์ “เดอะ ดีมีส คลินิค” วางจำหน่ายเฉพาะในคลินิกทั้งสองแห่ง พร้อมกับคิดค้นสูตรเอง และในอนาคตสนใจเปิดให้บริการด้านการดูแลรักษาคนที่ต้องการลดน้ำหนักที่เป็นรูปแบบใหม่เช่นเดียวกัน

ในช่วงที่ผ่านมา การเปิดสาขาแต่ละแห่งไม่มีการกู้เงินจากธนาคาร ใช้จากเงินเก็บที่มีอยู่มาลงทุนทั้งหมด โดยสาขาแรกเปิดเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ที่ลาดกระบัง แต่พื้นที่เช่าหมดสัญญา จึงย้ายมาเปิดที่ เพียวเพลส อเวนิว แทน โดยแต่ละสาขารวมแล้วใช้งบลงทุน 7080 ล้านบาท รวมค่าอุปกรณ์ ซึ่งงบดังกล่าวไม่ได้ลงทุนทีเดียวทั้งหมด เป็นการทยอยลงทุนต่อเนื่อง เมื่อมีรายได้ก็นำเงินมาลงทุน

สำหรับสาขาสอง สยามสแควร์ เปิดให้บริการมา 3 ปี เพราะลูกค้าบางส่วนไม่อยากเดินทางไกล จึงมาเปิดในพื้นที่ใจกลางเมือง ส่งผลดีให้ลูกค้ารู้จักมากขึ้น และมียอดลูกค้าเข้ามาใช้บริการเติบโตปีละ 100%

“หลักการบริหารคลินิก ใช้จรรยาบรรณของแพทย์มาใช้กับธุรกิจ คือ การทำธุรกิจที่สะอาด ไม่หลอกลวงคนไข้ ทำหน้าที่ดูแลรักษาคนไข้ให้ดีสุด ผมจึงเลือกดูแลคนไข้เอง และโชคดีที่ได้เป็นคุณหมอ ทำให้เรามีความละเอียดอ่อน และรอบคอบมาก” คุณหมอดิสพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย