จุดเปลี่ยน...ของมหาวิทยาลัยชีวิต

เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้ถูกเชิญให้ไปสอนที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม ในหลักสูตรของ ABC (Academy of Business and Creativity) เป็นหลักสูตรที่ไม่เน้นเนื้อหา แต่เน้นประสบการณ์ และการสร้าง Connection ซึ่งทางหลักสูตรมีที่มาที่น่าสนใจก็คือ เจ้าของมหาวิทยาลัยศรีปทุมได้ทาบทามคุณหนุ่มเมืองจันท์ และพี่โจ้ ธนา ว่าอยากได้หลักสูตรที่สอนด้วยประสบการณ์ และสร้าง Connection ต่อยอดการทำงานจริงๆ

ก็เลยเป็นที่มาของหลักสูตรที่ไม่ได้เอา “เนื้อหา” เป็นแก่น แต่เอา “ประสบการณ์” ของนักธุรกิจในด้านต่างๆ มาเติมเต็มหัวข้อ ภายใต้การเน้นกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์ สิ่งที่น่าสนใจ คือ ผมเองได้ไปสอนก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างตอบโจทย์ได้ดีสำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเรา ซึ่งก็คือคนทำงานที่อยากต่อยอด

ครับ!! ช่วงที่ผมกลับมาจากต่างประเทศใหม่ๆ ก็เริ่มทำงานในฐานะ “พนักงานเงินเดือนประจำ” ก็รู้สึกว่า พอมองขึ้นไปในผังองค์กรจะรู้สึกจิตตกขนาดหนัก ... คิดดูซิครับ อย่างผมเข้ามาเริ่มทำงานที่ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งมีพนักงานกว่า 2 หมื่นชีวิต ...คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าเราจะแซงคนที่อยู่ก่อนหน้าขึ้นมาเป็นผู้บริหารได้อย่างไร ...อย่าว่าแต่ผู้บริหาร เอาให้พ้นเงินเดือนขั้นเริ่มต้น 15,000 บาท นี่ผมว่ายังหืดขึ้นคอเลย!!

แน่นอน ...ผมเชื่อว่า สิ่งที่ผมคิดก็ไม่ต่างจากคนรุ่นใหม่เขาคิดกัน ก็คือเราต่างรู้สึกว่าโอกาสมันช่างยากขึ้นเรื่อยๆ ...ดังนั้น ถ้ามองแบบนี้ความเก่งเพียงอย่างเดียวคงไม่ใช่การตอบโจทย์ เพราะเดี๋ยวนี้ยิ่งการแข่งขันของธุรกิจต่างๆ มันมีมากขึ้นเรื่อยๆ ...เอาง่ายๆ ยุคนี้เราเห็นธุรกิจแบบรุ่งสุดๆ ไปร่วงสุดๆ ในเวลาไม่ก็ปี เช่น Blackberry เอาง่ายๆ ว่า ผมยังไม่ทันจะเริ่มลองใช้เลย มันก็ Out ตกยุคไปเรียบร้อยแล้ว ...ผมยังจำได้ว่าไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ ดาราทุกคนจะต้องมี BB และมีการขอ PIN กัน ...มาตอนนี้ ผมว่าถ้าคุณมี PIN สงสัยต้อง Chat กับตัวเอง ...ฮาสุดๆ

ภาพที่เกิดขึ้นคือ Business Life Cycle ของสินค้ามันสั้นมาก นั่นส่งผลโดยตรงกับองค์กร เพราะองค์กรเป็นอะไรที่ปรับตัวช้าที่สุด คิดง่ายๆ เดี๋ยวนี้กว่าจะสอนงานคนรุ่นใหม่ ก็กลายเป็นว่า Function งานเปลี่ยนไปแล้ว ...ที่เล่ามา เพราะผมมองว่า สิ่งที่กำลังจะมาหรือเป็นอีกธุรกิจดาวรุ่งคงหนีไม่พ้นการศึกษา

ใช่ครับ!! ธุรกิจการศึกษา ที่เดิมทีเศรษฐีของระบบการศึกษาก็คือ อาจารย์ติวเอนท์ เพราะยุคที่แล้ว ใครจบมหาวิทยาลัยดี มันการันตีอนาคตการงานที่รุ่งโรจน์ แต่วันนี้มันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เอาขนาดที่ว่าองค์กรที่รับเราเข้าทำงานจะปรับตัวให้อยู่รอดได้ในอนาคตยังไม่ใช่เรื่องง่าย ... การศึกษาในรูปแบบใหม่ ก็คือ “คอร์สติวสอนประสบการณ์ทำงาน แถม Connection” พวกนี้แหละ ...จะว่าไปแล้ว ถ้าให้นิยามธุรกิจการศึกษาที่เอาคนในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจนั้นๆ มาสอนจากประสบการณ์ และเป็นคอร์สสั้นๆ ที่รวมคนที่มีความสนใจเดียวกันเข้ามาเรียนด้วยกัน ...ผมว่ามันคือนิยามของมหาวิทยาลัยชีวิต

พูดมาถึงตรงนี้ หลายๆ คนอาจจะตั้งคำถามว่า “แล้วจะเลือกเรียนอะไรดี เพราะตอนนี้คอร์สต่างๆ มันมีอยู่เยอะมาก ตั้งแต่ของหน่วยงานราชการ อย่างหลักสูตร วปอ., วตท. ...ตลอดไปจนถึงหอการค้า เอกชน ...ไปจนมหาวิทยาลัย

เอาอย่างงี้ ผมมีข้อสังเกตมาให้ว่าอะไรที่เหมาะกับคุณ

หนึ่ง คุณต้องดูว่า งานที่คุณทำ คุณตั้งเป้าไปที่จุดไหน จากนั้นลองมองว่า ในสายอาชีพของคุณ คุณมีใครเป็นแบบอย่าง ...เป็น IDOL ...จากนั้นก็ให้ลอง List ดูว่าระหว่างคุณกับ IDOL ของคุณ ...ต้องมีความรู้ และ Skill อะไรเพิ่ม ...เรียกว่าวางแผนอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เพื่อเดินจากจุดที่คุณยืน ไปถึงจุดที่ IDOL ของคุณยืน ...นี่แหละการวางเป้าแบบมีภาพและมีตัวอย่าง ...เมื่อได้วางแผนแล้วก็เริ่มลงมือทำ ลงมือเดินทาง เพื่อที่จะไปถึงเป้าหมาย

สอง ต้องมองดูว่า นอกจากความสามารถแล้ว มันมีในส่วนของ Connection ก็คือ “เครือข่าย” ...ซึ่งในโลกธุรกิจจริงๆ หลายคนจะมองแต่ Know How แต่ลืมคิดไปว่า จริงๆ แล้ว Know Who หรือ Connection โดยเฉพาะในสังคมไทย มันมีความสำคัญมากกว่าความรู้ของเราเสียอีก

เอาล่ะ เมื่อเห็นทั้งภาพของ “ความรู้” และภาพของ “เครือข่าย Connection” เราก็เริ่มมองหาคอร์สหรือโปรแกรมที่เหมาะกับเราได้เลย

เอาว่าลองหากันดู ...ส่วนใครที่สนใจด้านหุ้น ผมแนะนำโครงการ The Stock Master ของบัวหลวง (อันนี้ผมจัดเอง) คุณจะได้ทั้งความรู้ การปฏิบัติ และเพื่อนร่วมลงทุนจริงๆ ...สนใจก็เข้ามาแจมกัน ...ส่วนใครชอบสายอื่นๆ ก็ลองมองหาสิ่งที่เหมาะกับเราครับ

...“อยากสำเร็จ ต้องมีแผน และมีเพื่อน ...อย่าเดินคนเดียว!!”