โลจิสติกส์ไทยสยายปีกช่วยเพื่อนบุกตลาดพม่า
ในจังหวะที่พม่ากำลังมาแรง การขนส่ง จัดเก็บ และกระจายสินค้า เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการนำสินค้าเข้าไปเปิดตลาด
โดย...ปรียนิจ กุลตั้งเจริญ
ในจังหวะที่พม่ากำลังมาแรง การขนส่ง จัดเก็บ และกระจายสินค้า เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการนำสินค้าเข้าไปเปิดตลาด ขณะที่บริษัทไทยบางรายมองเห็นโอกาสในการให้บริการโลจิสติกส์แก่คนไทยด้วยกันที่สนใจตลาดพม่า
เจษฎา ทวีศุภพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอสแอล โลจิสติกส์ กล่าวว่า จากการเข้าไปสำรวจตลาดพม่าในครั้งแรก พบว่าพม่าเป็นตลาดใหญ่ มีสินค้าไทยเข้าไปวางจำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะเดียวกันรอบๆ ประเทศพม่ายังมีตลาดใหญ่อย่างอินเดียและจีน ที่พม่าสามารถเชื่อมโยงเข้าตลาดดังกล่าวได้
บริษัท เอสเอสแอล โลจิสติกส์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการขนส่งทางเรือ จึงได้ร่วมมือกับบริษัท บลูแอนด์ไวท์ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และโกดังสินค้า และผู้ทำธุรกิจในพม่าที่เน้นทำการตลาดและกระจายสินค้าด้านอุปโภคบริโภค เปิดบริษัทให้บริการโกดังเก็บสินค้า กระจายสินค้า และขนส่งสินค้า รวมถึงทำตลาดให้กับลูกค้าที่ต้องการนำสินค้าเข้าไปขายในพม่า
โดยบริษัทมีทีมขายและมีเครือข่ายอยู่กับทั้งตลาดสดและห้างสรรพสินค้า มีหน่วยรถกระจายสินค้าให้กับลูกค้า และมีโกดังขนาด 1,000 ตารางเมตร ให้บริการจัดเก็บสินค้า ตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณใกล้ท่าเรือทางตอนใต้ของเมืองย่างกุ้ง ติดกับตลาดสด เป็นจุดศูนย์กลางในการกระจายสินค้าสู่ตลาดท้องถิ่น และโกดังแห่งแรกนี้มีผู้มาใช้บริการจนพื้นที่เต็มอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่ส่งสินค้าอุปโภคบริโภคเข้าไปขายในพม่า เช่น เครื่องดื่ม น้ำตาล อาหารกระป๋อง และขณะนี้บริษัทมีแผนจะขยายโกดังแห่งที่ 2 พื้นที่ 2,0005,000 ตารางเมตร ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปีหน้า
“เข้าไปทำธุรกิจครั้งแรกเมื่อต้นปี 2556 และเริ่มสร้างคลังสินค้าเลย เพราะต้องการเป็นศูนย์กลางให้กับคนไทยและสินค้าไทยที่เข้าไปพม่า โดยจุดเด่นอยู่ที่มีพันธมิตรที่เข้มแข็งและมีระบบอำนวยความสะดวกพร้อม เพื่อที่จะรองรับสินค้าทุกประเภท”
นอกจากการกระจายสินค้าภายในพม่าแล้ว บริษัทยังให้บริการขนส่งตั้งแต่ในไทยไปถึงพม่า ซึ่งการขนส่งส่วนใหญ่กว่า 80% ใช้การขนส่งทางบกเข้าทางแม่สอดย่างกุ้ง เนื่องจากสะดวกและรวดเร็ว ใช้เวลาเพียง 45 วัน ขณะเดียวกันยังมีการขนส่งทางเรือที่ส่งตรงจากท่าเรือกรุงเทพ หรือท่าเรือแหลมฉบังท่าเรือย่างกุ้ง แต่ค่าใช้จ่ายแพงกว่า และใช้เวลานานประมาณ 14 วัน ซึ่งเส้นทางเรือมีค่าใช้จ่ายสูง เพราะมีแต่สินค้าเข้าจากไทย และต้องตีเรือเปล่ากลับ แต่หากไม่ใช้เส้นทางตรงก็ต้องไปแวะที่สิงคโปร์ก่อน
ขณะที่การขนส่งภายในพม่าใช้การขนส่งทางถนนเป็นหลัก โดยปัจจุบันเริ่มมีการสร้างสะพานเพื่อแก้ปัญหาจราจรให้ดีขึ้นภายในเมืองย่างกุ้ง รวมทั้งหุ้นส่วนของบริษัทให้บริการอยู่ใน 12 เขต ครอบคลุมทุกเมืองหลักในพม่า แต่สินค้าไทยส่วนใหญ่ยังส่งไปเฉพาะในย่างกุ้ง ไม่กระจายออกไปถึงหัวเมืองหลัก
นอกจากนี้ บริษัทมีโครงการส่งเสริมเอสเอ็มอีไทยให้ออกไปขยายตลาดในพม่า โดยจะเปิดให้นำสินค้ามารวมกันเป็นล็อตใหญ่แล้วขนส่งออกไปทีเดียว เพราะเอสเอ็มอีบางรายต้องการส่งสินค้าไปทดลองตลาดในจำนวนน้อยก่อน หรืออาจยังไม่มีความสามารถพอที่จะส่งออกล็อตใหญ่ วิธีนี้จะเพิ่มโอกาสให้กับเอสเอ็มอีที่ต้องการจะเข้าไปพม่า
แต่การส่งสินค้าไปขายในพม่าที่ยังเป็นแบบดั้งเดิม ต้องมีสินค้าทดลอง สินค้าตัวอย่าง เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองใช้จริง ดังนั้นหากส่งไปในปริมาณที่น้อยเกินไป บางครั้งการทำตลาดอาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจในพม่าก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องมีหุ้นส่วนทางธุรกิจเป็นคนท้องถิ่น ส่วนกฎหมายก็ไม่นิ่ง ปรับเปลี่ยนตลอด อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร ซึ่งอาจทำให้เข้าใจไม่ตรงกัน
พม่าเป็นตลาดสำคัญของไทย เพราะสินค้าไทยมีความหลากหลาย และคนพม่าให้ความสนใจ หากธุรกิจไทยรวมตัวกันได้ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถให้สินค้าไทยบุกตลาดพม่าได้มากขึ้น


