เจ้าจอมมารดาน้อยในรัชการที่ 4 (จบ)
เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดีสิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โดย...วิมลพรรณ ปิตธวัชชัย
เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดีสิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงอภิเษกสมรสกับหม่อมเจ้าหญิงรำเพย พระราชธิดาในสมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ และพระชนนีน้อย ประทับอยู่ในพระบรมมหาราชวังแต่ยังเยาว์ ภายใต้การอภิบาลของสมเด็จพระเจ้าบรมอัยยิกาเธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร (พระองค์เจ้าหญิงละม่อม) เมื่อแรกอภิเษกสมรสได้รับพระราชทานพระนามว่า “พระนางเธอพระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์” และสมเด็จพระนางรำเพยภมราภิรมย์ และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินีในที่สุด
สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี เป็นพระอัครมเหสีที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสนิทเสน่หาอย่างยิ่ง เนื่องจากพระองค์ทรงมีพระอุปนิสัยสงบเสงี่ยม พระวรกายของพระองค์ค่อนข้างผอมบาง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเรียกพระนามของพระองค์สั้นๆ ว่า “แม่เพย”
สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ประสูติพระราชโอรสธิดา 4 พระองค์ คือ
1.สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์
2.สมเด็จเจ้าฟ้าจันทรมณฑลโสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกษัตริย์
3.สมเด็จเจ้าฟ้าจาตุรณรัศมี
4.สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์
นอกจากพระอัครมเหสีที่ทรงสนิทเสน่หาอย่างยิ่งแล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงมีดรุณีแรกรุ่นอีกเป็นจำนวนมากที่ถูกนำมาถวายตัวเป็นบาทบริจาริกาให้ทรงเลือกสรรไว้เป็นเจ้าจอม ดังปรากฏในประกาศเกี่ยวกับจำนวนสตรีที่มีผู้นำเข้าไปถวายความตอนหนึ่งว่า
“...บัดนี้ผู้หญิงที่มาถวายตัวทำราชการในพระบรมมหาราชวังนี้ ตั้งแต่ปีกุนตรีศกมาจนถึงปีกุนเบญจศกนี้มากมายหลายคน ขั้นเหลือใช้เหลือสอย จนข้าพเจ้าจำหน้าก็ไม่ได้ จำชื่อก็ไม่ได้โดยมาก...”
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เจ้าจอมมารดาน้อยรักแรกของพระองค์จะต้องเศร้าโศกเสียใจกับความไม่ไยดีของพระบรมราชสวามีอย่างใหญ่หลวง ยิ่งได้เห็นความรักความเอาพระทัยใส่ของพระบรมราชสวามีที่มีต่อพระธิดาพระองค์น้อย คือ สมเด็จเจ้าฟ้าจันทรมณฑลโสภณภควดี ซึ่งเปรียบประดุจแก้วตาดวงใจของสมเด็จพระบรมราชชนกด้วยแล้ว เจ้าจอมมารดาน้อยคงจะยิ่งคับแค้นใจ จึงได้กระทำการอันเป็นที่ทำให้ทรงเคืองขุ่นพระราชหฤทัยอยู่เนืองๆ จนทำให้ความสัมพันธ์ซึ่งห่างเหินอยู่เดิมแล้วยิ่งไม่มีทางจะกลับมาเหมือนเดิมได้เลย และแล้วสายใยแห่งความรักของพระบรมพระราชสวามีกับเจ้าจอมมารดาน้อยก็เป็นอันขาดสะบั้นลงโดยเด็ดขาด จากหลักฐานที่ปรากฏดังที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเล่าให้เจ้าจอมมารดาผึ้งทราบในลายพระราชหัตถเลขา ลงวันพุธ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 12 ปี 2398 ความว่า
“ข้าออกเรือกระบวรมาจากตำหนักน้ำวัน 1 6 9 12 ค่ำ จวนรุ่งเวลาตี 11 กับ 6 บาท ขึ้นมาถึงวัดเขมาตลาดแก้วเวลาเช้าโมงครึ่งกับ 4 บาท มีเรือเก๋งลำหนึ่งพายตามขึ้นมาแข่งเรือที่นั่งของข้า เกินหน้าเรือตำรวจ เรือที่นั่งรองทุกลำ แข่งจนเก๋งเคียงกันยาเรือที่นั่ง แต่แรกข้าสำคัญว่านางหนูลูกรำเพย (ทรงหมายถึง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงจันทรมณฑล) จะร้องไห้ มารดาจะให้เอาใส่เรือเก๋งขึ้นมาส่งให้ข้ากระมัง ข้าจึงร้องถามไปว่าเรือใครเรือนั้น มีม่านบังมิดมีผู้หญิงนั่งท้ายหลาย (คน) เรือตำรวจตามไปก็สำคัญว่าเรือข้างใน ในกระบวร จึงไม่มีใครห้ามปล่อยให้พายขึ้น สรรเพชรภักดีร้องถามหลายคำก็ไม่บอก ข้าถามหลายคำว่าอะไรๆ เรือใครก็ไม่บอก บ่าวผู้หญิงข้างท้ายก็หัวร่อเยาะด้วยบานเต็มที จนคนในเรือที่นั่งโกรธว่าหัวร่อเยาะ
ข้าคิดจะให้เอาปืนยิงตามกฎหมาย ก็กลัวจะถูกคนตาย เขาจะลือไปว่าดุร้ายใจเบาทำคนตายง่ายๆ พายแข่งไล่เรือที่นั่งอยู่นาน เห็นผิดทีแล้วจึงได้ร้องให้ตำรวจไล่จับ ครั้นเรือไปจับจะฉุดเรือมาจึงพายหนีห่างออกไป ไล่ไปไกลจึงได้ตัวเรือมา ได้ความว่าเป็นเรือมารดากรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส มาทำหน้าเป็นเล่นตัว ล้อข้าต่อหน้าทารกำนัลน่าชังนักหนา ข้าสั่งให้พระอินทรเทพจับกุมเรือลงมาส่งตัวนายเข้ามาให้จำไว้ บ่าวให้จำไว้ข้างหน้า ข้าได้เขียนหนังสือมาให้กรมหมื่นมเหศวรทราบ แล้วได้มีใบสั่งถึงท้าวศรีสัจจา ท้าวโสภานิเวศน์ ให้เอาตัวจำไว้ให้มั่นคงกว่าข้าจะกลับลงไป อยากจะใคร่ให้เอาไปตัดหัวเสียตามสกุลพ่อมัน แซ่นี้มักเป็นเช่นนั้น เหมือนคุณสำลี มารดาพระองค์เจ้านัดดา ถึงลูกท่านรักท่านเลี้ยงเป็นหนักหนา มารดาท่านเอาไว้ไม่ได้เอาไปตัดหัวเสีย เป็นอย่างนี้มาแล้ว”
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระราชหัตถเลขาเล่าถึงพฤติกรรมของเจ้าจอมมารดาน้อยในทำนองเดียวกันนี้ให้พระราชโอรส พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้านพวงศ์ กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาศ ให้ทรงทราบพร้อมกับเตือนพระราชโอรสมิให้ไปยุ่งเกี่ยวกับเจ้าจอมมารดาน้อยที่รังแต่จะนำความยุ่งยากรำคาญใจมาสู่เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็มิได้ทรงลงโทษเจ้าจอมมารดาน้อยอย่างรุนแรง เพียงแต่ลงโทษด้วยการกักตัวไว้ในพระราชฐานชั้นในของพระบรมมหาราชวังพร้อมแม่ตลับและแม่ย้อย ซึ่งร่วมนั่งอยู่ในเรือลำเดียวกัน
เจ้าจอมมารดาน้อยถึงแก่อนิจกรรมในรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานเพลิงศพที่สวนท้ายวังริมคลองบางลำพูของกรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร หลังพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้กรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธรทรงสร้างวัดขึ้นในบริเวณนั้น แต่สิ้นพระชนม์เสียก่อนในปี 2405 ก่อนที่วัดจะสร้างเสร็จ จึงโปรดเกล้าฯ ให้กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาสทรงสร้างวัดต่อ แต่ก็สิ้นพระชนม์อีกในปี 2410 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงรับเป็นผู้สร้างวัดต่อมาจนสำเร็จ พระราชทานนามวัดว่า วัดตรีทศเทพ มีความหมายว่า “เทวดาสามองค์เป็นผู้สร้าง” และยังปรากฏพระเจดีย์บริเวณที่เป็นที่ปลงศพของเจ้าจอมมารดาน้อยที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุประดิษฐ์ กรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร พระโอรสทรงสร้างขึ้นมาถึงปัจจุบันนี้


