เป็นหนี้น้อยๆดีกว่าอย่างไร
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน ในสัปดาห์นี้ดิฉันขอเริ่มต้นบทความด้วยภาษาบาลีในพระไตรปิฎกที่ว่า อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก (อิ นา ทานัง ทุกขัง โลเก) แปลว่า การเป็นหนี้เป็นทุกข์ในโลก ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ทำให้หลายคนถึงกับนอนไม่หลับ
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน ในสัปดาห์นี้ดิฉันขอเริ่มต้นบทความด้วยภาษาบาลีในพระไตรปิฎกที่ว่า อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก (อิ นา ทานัง ทุกขัง โลเก) แปลว่า การเป็นหนี้เป็นทุกข์ในโลก ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ทำให้หลายคนถึงกับนอนไม่หลับ
ยิ่งถ้าเป็นหนี้สินชั้นเลว ได้แก่ หนี้ที่ไม่มีความจำเป็น ดอกเบี้ยสูง ก็ยิ่งสร้างปัญหา และความเครียดให้มากขึ้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องชำระคืน แต่หากเป็นหนี้สินชั้นดี ได้แก่ หนี้ที่มีไว้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถจะสร้างรายได้ หรือก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มในอนาคตได้ อย่างเช่น บ้านหรือที่อยู่อาศัย ก็จะทำให้ผู้กู้ใช้ประโยชน์จากสินค้านั้นคุ้มค่ากับเงินที่กู้ยืมมามากที่สุดค่ะ
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้สินชั้นเลวหรือหนี้สินชั้นดีก็ตาม ดิฉันก็เชื่อว่าคุณผู้อ่านหลายท่านคงอยากจะชำระหนี้ให้หมดไปโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะการกู้ยืมเงินมาเพื่อการซื้อบ้าน ที่มักมีเวลาการผ่อนชำระหนี้ที่ยาวนานถึง 20-30 ปี ถ้าหากบริหารหนี้ไม่ดี บ้านก็อาจถูกยึดได้อีก
คุณผู้อ่านหลายท่านอาจนึกไม่ถึงว่า การกู้เงินซื้อบ้านหลังเล็กๆ มาราคาเพียง 1 ล้านบาท แต่แท้จริงแล้วคุณจ่ายเงินทั้งสิ้น 1.6 ล้านบาท กว่าจะผ่อนหมด ต้องเสียดอกเบี้ยมากมายขนาดนี้ (ตัวเลขนี้ ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ไม่ได้คิดค่าของเงินตามระยะเวลา และผู้ซื้อบ้านไม่มีการจ่ายเงินงวดก้อนใหญ่ก่อนครบกําหนด)
อย่างไรก็ตาม จะเป็นการดีกว่าถ้าเราผ่อนบ้านให้มีระยะเวลาเร็วหรือสั้นขึ้น ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็น้อยลงไปด้วย
ดังนั้น ในเวลาที่คุณผู้อ่านตัดสินใจก่อ “หนี้” เพื่อซื้อบ้านสักหลัง จะต้องคำนึงถึงเงื่อนไขทางการเงินที่จะช่วยปลดภาระหนี้สินของเราให้เร็วขึ้นด้วย อย่างเช่น “แคมเปญปลอดหนี้” ที่ช่วยทำให้ลูกค้าผ่อนบ้านในระยะเวลาที่สั้นลง ในอัตราการผ่อนชำระต่อเดือนที่เท่าเดิม
การบริหารหนี้ที่ดีจึงไม่ได้หมายความว่าเราไม่ควรมีหนี้นะคะ แต่ควรก่อหนี้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สามารถควบคุมหนี้สินให้อยู่ในวิสัยที่รับได้ รวมถึงการทำให้ “หนี้” กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น หรือเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนั่นเองค่ะ
ดิฉันขอปิดท้ายบทความด้วยภาษาบาลีที่ว่า อา นณฺ ย ปรมา ลาภา (อา นัน ยะ ปะระมา ลาภา) ซึ่งแปลว่า ความไม่มีหนี้ เป็นลาภอันประเสริฐค่ะ


