บทบาทหน้าที่กรรมการบริษัทมหาชนจำกัด
หากพิจารณาจากแผนภูมิภาพในฉบับที่แล้วซึ่งผมนำเสนอไป จะพบว่าบทบาทหน้าที่กำหนดไว้นั้นกำหนดเฉพาะกรรมการเท่านั้นไม่รวมผู้บริหาร (เช่นเดียวกับบริษัทจำกัด) ซึ่งจะต่างกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทย่อยที่กำหนดความรับผิดชอบของผู้บริหารไว้เหมือนกรรมการ
หากพิจารณาจากแผนภูมิภาพในฉบับที่แล้วซึ่งผมนำเสนอไป จะพบว่าบทบาทหน้าที่กำหนดไว้นั้นกำหนดเฉพาะกรรมการเท่านั้นไม่รวมผู้บริหาร (เช่นเดียวกับบริษัทจำกัด) ซึ่งจะต่างกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และบริษัทย่อยที่กำหนดความรับผิดชอบของผู้บริหารไว้เหมือนกรรมการ
พิจารณาจากแผนภูมิข้างต้น พ.ร.บ.บริษัทมหาชน แบ่งหน้าที่กรรมการได้เป็น 3 ส่วน คือ
1.หน้าที่หลักที่กรรมการต้องปฏิบัติตามมาตรา 85 คือ
1.1 การปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งหมายถึงกฎหมายทุกประเภทที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจทุกประเภท (ไม่ใช่เฉพาะเป็นบริษัทมหาชนเท่านั้น) กรรมการจึงต้องศึกษาว่ามีกฎหมายใดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของท่านบ้างที่จะส่งผลถึงความรับผิดในฐานะส่วนตัวทั้งทางแพ่งและทางอาญา
1.2 การปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ (หรือหนังสือบริคณห์สนธิ) ของบริษัทว่ากิจการใดหรือบริษัททำได้ภายใต้ขอบวัตถุประสงค์
1.3 การปฏิบัติตามข้อบังคับของบริษัท
1.4 การปฏิบัติตามมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น
2.การที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายโดยเฉพาะ (มาตรา 91) ซึ่งได้แก่
2.1 เรียกชำระค่าหุ้นและโอนกรรมสิทธิ์ (ตามมาตรา 37 38)
2.2 การนำค่าจองหุ้นไปใช้จ่ายตามมาตรา 43 มาตรา 91 (2)
2.3 การจ่ายปันผลตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด (มาตรา 115 118)
2.4 การเก็บรักษาบัญชี
3.หน้าที่ต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวังรักษาประโยชน์ของบริษัท ไม่ได้มีการบัญญัติหลักเกณฑ์กฎหมายไว้โดยเฉพาะอาจต้องดูเปรียบเทียบกฎหมายตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ที่จะกล่าวต่อไป
4.หน้าที่ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตนั้น กฎหมายแยกพิจารณาได้ 8 หัวข้อคือ
4.1 กรรมการจะต้องไม่ประกอบกิจการที่มีสภาพอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันกับกิจการของบริษัท นอกจากนี้ ยังรวมถึงจะต้องไม่เข้าเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือเข้าเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือเป็นกรรมการบริษัทมหาชนหรือเอกชนที่ประกอบกิจการอันมีสภาพอย่างเดียวกันกับบริษัทและเป็นการแข่งขันกับบริษัท ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือของผู้อื่น เว้นแต่กรณีที่ได้มีการแจ้งให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นทราบก่อนที่จะมีมติแต่งตั้งกรรมการคนดังกล่าว (มาตรา 86) โปรดสังเกตว่าหากเป็นบริษัทจำกัด การประกอบกิจการค้าแข่งจะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเสียก่อน แต่บริษัทมหาชนเพียงแต่แจ้ง
4.2 กรรมการจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการหากตนต้องการที่จะซื้อทรัพย์สินของบริษัทหรือต้องการที่จะขายทรัพย์สินแก่บริษัทหรือกระทำธุรกิจอย่างใดกับบริษัท ไม่ว่าจะกระทำในนามตนเองหรือผู้อื่น มิฉะนั้น การกระทำดังกล่าวจะไม่มีความผูกพันกับบริษัทในประการใดๆ เลยทั้งสิ้น (มาตรา 87)
4.3 กรรมการมีหน้าที่ที่จะต้องรายงานต่อบริษัทโดยไม่ชักช้าเมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งดังต่อไปนี้ (มาตรา 87)
เมื่อกรรมการมีส่วนได้ส่วนเสียไม่ว่าโดยตรง หรือโดยทางอ้อมในสัญญาใดๆ ของบริษัทที่บริษัททำขึ้นระหว่างรอบปีบัญชี
เมื่อกรรมการเข้าถือหุ้นหรือหุ้นกู้ในบริษัทหรือในบริษัทในเครือ
4.4 คณะกรรมการไม่อาจให้ความเห็นชอบให้บริษัทให้กู้ยืมเงิน รวมถึงการค้ำประกัน การให้หลักประกันการชำระหนี้เงินกู้ยืมของกรรมการ หรือการรับซื้อ การลดตั๋วเงิน แก่กรรมการ พนักงาน ลูกจ้างของบริษัท เว้นแต่เป็นกรณีเฉพาะตามที่กฎหมายกำหนด (มาตรา 88)
4.5 กรรมการจะได้รับบำเหน็จหรือไม่นั้นแล้ว แต่ที่ประชุมใหญ่จะเห็นสมควร ดังนั้น บริษัทจึงไม่อาจจ่ายเงินค่าตอบแทนหรือมอบทรัพย์สินอื่นใดแก่กรรมการเว้น แต่เป็นการชำระค่าตอบแทนแก่กรรมการตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัท หรือตามมติที่ประชุมของผู้ถือหุ้นด้วยมติเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้หุ้นที่ได้เข้าประชุม
4.6 ในการดำเนินการเสนอขายหุ้น หุ้นกู้ หรือตราสารทางการเงินอื่นใดของบริษัท กรรมการจะต้องมีหน้าที่ที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความที่ควรจะต้องแจ้งเกี่ยวกับฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท (มาตรา 94 (1))
4.7 ในการยื่นเอกสารใดๆ ของบริษัทต่อนายทะเบียนนั้น กรรมการมีหน้าที่ที่จะต้องไม่แสดงข้อความหรือลงรายการอันเป็นเท็จหรือไม่ถูกต้องตรงตามข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในสมุดบัญชีทะเบียนหรือเอกสารอื่นๆ ของบริษัท (มาตรา 94 (2))
4.8 กรรมการมีหน้าที่ที่จะต้องจัดไม่ให้มีข้อความอันเป็นเท็จในเอกสารงบดุล บัญชีกำไรขาดทุน และรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นและรายงานการประชุมกรรมการดังกล่าว รวมถึงกรรมการมีหน้าที่ที่จะต้องจัดให้มีรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นและรายงานการประชุมคณะกรรมการภายใน 14 วัน นับแต่วันที่สิ้นสุดการประชุม (มาตรา 94 (3))
ถ้ากรรมการบริษัทมหาชนนั้นเป็นบริษัทจดทะเบียนหรือเป็นบริษัทที่เสนอขายหุ้นกับประชาชนหรือเป็นบริษัทย่อยของบริษัทดังกล่าวก็จะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์อีกด้วย และหากมีกฎหมายพิเศษ เช่น พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงินก็มีหน้าที่เพิ่มเติมตามกฎหมายพิเศษนั้น


