ใช้พม่าเชื่อมอินเดีย

ผ่านเอเชี่ยนไฮเวย์ขยายตลาดส่งออกเฟ้นสินค้าเมืองรองศักยภาพสูง

ไทยส่งออกอินเดียปีนี้โต 45% ลดลงจากปัญหาเศรษฐกิจ รัฐดันขยายช่องทางส่งสินค้าผ่านแดนจากพม่า

นายธราดล ทองเรือง อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์ สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเทศ ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เปิดเผยภายในงานสัมมนาโอกาสการค้าการลงทุนภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทยอินเดีย และอาเซียนอินเดีย ว่า การส่งออกสินค้าไทยไปประเทศอินเดียในปี 2556 น่าจะขยายตัวที่ระดับ 45 % จากปกติที่การส่งออกมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 5% จากมูลค่าการค้า 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ อินเดียได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก รวมถึงมีปัญหาเศรษฐกิจภายใน เนื่องจากอินเดียขาดดุลการค้ามากจากการนำเข้าน้ำมันและทองคำ ที่เป็นตัวฉุดให้ขาดดุลทางการค้า กระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนจากเดิมที่อยู่ที่ 4849 รูปีต่อเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันอยู่ 67–68 รูปี ทำให้สินค้าไทยในตลาดอินเดียราคาสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการส่งออกของไทยไปอินเดียยังคงอยู่ในระดับที่เติบโต เพราะสินค้าไทยได้รับความนิยมและมีคุณภาพดี โดยไทยมีสินค้าส่งออกสำคัญไปยังอินเดีย เช่น อัญมณี อะไหล่ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และยางพารา ซึ่งในส่วนของยางพารา อินเดียนำเข้ายางแผ่นรมควันจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากที่มีมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มเป็น 300 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์

สำหรับมาตรการกระตุ้นการส่งออกสินค้าไปอินเดีย ขณะนี้รัฐบาลพยายามจะขยายช่องทางการค้า โดยส่งเสริมการค้าข้ามแดนจากไทย ผ่านพม่าเข้าไปยังอินเดีย ทางด่านการค้ามอเร่ห์ เข้าสู่รัฐมณีปุระ หรือฝั่งพม่าเรียกว่าด่านทามู เพื่อเข้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียซึ่งเป็นเส้นทางที่มีศักยภาพ และใกล้กว่าการส่งสินค้าทางเรือ ที่ใช้เวลาราว 18-20 วัน และต้องไปถ่ายสินค้าที่สิงคโปร์

“การค้าผ่านแดนมีศักยภาพเพราะเป็นเส้นทางเอเชี่ยนไฮเวย์ เชื่อมจากตะวันออกกลางผ่านอินเดีย พม่า ไทย หากถนนได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นจะเป็นเส้นทางการขนส่งทางถนนที่ดีมาก รวมทั้งยังเชื่อมโยงกับทวายได้อีกด้วย” นายธราดล กล่าว

นอกจากนี้ รัฐบาลจะทำโครงการค้นหาสินค้าใหม่ๆ เข้าไปเจาะตลาดอินเดีย รวมถึงหาเมืองใหม่ๆ ที่เป็นเมืองรอง ยังมีช่องว่างสำหรับสินค้าไทยอยู่ เพื่อเป็นโอกาสในการขยายตลาดของสินค้าไทย