ปูนใหญ่รุกธุรกิจอินโดเทกฯบรรจุภัณฑ์395ล.
SCC ทุ่ม 395 ล้านบาทใช้บริษัทย่อยซื้อหุ้นบรรจุภัณฑ์อินโดฯ หลังดึงยักษ์ญี่ปุ่นร่วมทุนเยื่อกระดาษ
SCC ทุ่ม 395 ล้านบาทใช้บริษัทย่อยซื้อหุ้นบรรจุภัณฑ์อินโดฯ หลังดึงยักษ์ญี่ปุ่นร่วมทุนเยื่อกระดาษ
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ (TCG) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท เอสซีจี เปเปอร์ (บริษัทย่อยของ SCC) และ Rengo Company Limited (Japan) ในสัดส่วนการถือหุ้น 70% และ 30% ตาม ลำดับ ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น และเข้าถือหุ้น 90% ในบริษัท PT Primacorr Mandiri โดยมีมูลค่าการลงทุนรวม 395 ล้านบาท ที่เหลือ 10% เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นเดิม
บริษัท เอสซีจี เปเปอร์ มี 2 สายธุรกิจ ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ (Packaging Chain) และสายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเยื่อกระดาษและกระดาษพิมพ์เขียน (Fibrous Chain)
“นับเป็นก้าวแรกของ SCC ในการเข้าสู่ตลาดบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วจากทั้งการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศ” นายกานต์ กล่าว
สำหรับ Primacorr เป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่มีกำลังการผลิตรวม 3.7 หมื่นตัน ต่อปี มีโรงงานตั้งอยู่ที่เมืองตันเกอรัง ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงจาการ์ตา ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 40 กิโลเมตร โดยในปี 2555 บริษัทมียอดขายรวม 460 ล้านบาท
การลงทุนครั้งนี้จะทำให้ TCG มีกำลังการผลิตรวมเพิ่มจาก 9.76 แสนตันต่อปี เป็น 1,013,000 ตันต่อปี จากฐานการผลิตทั้งหมดในอาเซียน ได้แก่ ประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย
เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา SCC เพิ่งรายงานว่า บริษัท เอสซีจี เปเปอร์ ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ Nippon Paper Industries Company Limited หรือ NPI ประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมทุนใน สายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเยื่อกระดาษและกระดาษพิมพ์เขียน ซึ่งจะเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของ SCC ที่มุ่งเน้นสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) เพื่อการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน
“NPI จะเข้ามาถือหุ้นใน Fibrous Chain ของเอสซีจี เปเปอร์ 30% คาดว่าการร่วมทุนจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 ปี 2557” นายกานต์ กล่าว
NPI เป็นผู้ผลิตกระดาษรายใหญ่ของญี่ปุ่น เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี และมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งทั่วทวีปเอเชีย โดยในรอบปี 2555 (เม.ย. 2555-มี.ค. 2556) NPI มีสินทรัพย์และยอดขายประมาณ 4.7 แสนล้านบาท และ 3.2 แสนล้านบาท ตามลำดับ