โบแดง วิริยะ คว้าประกันภัยดีเด่น

โดย...ฉัตรชัย ธนจินดาเลิศ

แม้บริษัท วิริยะประกันภัย จะเป็นบริษัทอันดับ 1 ของไทยที่มีส่วนแบ่งการตลาดในการรับประกันภัยรถยนต์มานานมากที่สุด แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่วิริยะประกันภัยเพิ่งจะประสบความสำเร็จในการคว้ารางวัลอันดับ 1 “บริษัทประกันวินาศภัยที่มีการบริหารงานดีเด่นประจำปี 2555” มาครองได้เป็นผลสำเร็จ

อานนท์ โอภาสพิมลธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้รับรางวัลบริษัทประกันวินาศภัยยอดเยี่ยมจากต่างประเทศตลอด แต่ไม่เคยได้รับรางวัลอันดับ 1 จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่กำกับดูแลธุรกิจประกันภัยในไทยเลย ปีนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ได้รับรางวัล

สำหรับปัจจัยสำคัญที่เชื่อว่าทางคณะกรรมการได้ตัดสินให้วิริยะประกันภัยได้รับรางวัลครั้งนี้ ก็เนื่องมาจากการบริหารจัดการธุรกิจที่ดีของบริษัท ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องความมั่นคงทางการเงินหรือการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเท่านั้น ยังรวมถึงการวัดจากคุณภาพการดำเนินการหลักๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารค่าใช้จ่าย การบริการ โดยวัดจากเรื่องร้องเรียน มีมาตรฐานการดำเนินการตามมาตรฐานสากล ความมั่นคงทางด้านการเงิน และกิจกรรมการคืนกำไรให้กับสังคมอีกด้วย

แต่สิ่งสำคัญทั้งหมดวิริยะประกันภัยต้องบริหารงานภายใต้นโยบาย “ความเป็นธรรม คือ นโยบาย” ซึ่งถือเป็นปรัชญาในการดำเนินงานที่สำคัญของบริษัทที่ว่า

“ธุรกิจประกันภัยไม่ใช่ธุรกิจที่มุ่งหวังแต่กำไร เงินบาททุกที่ประชาชนนำมาฝากไว้ในรูปของเบี้ยประกันเป็นเงินของประชาชนทั้งสิ้น เราเพียงแต่ช่วยบริหารความเสี่ยงนำเงินส่วนหนึ่งของผู้โชคดีที่ไม่ประสบภัยไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เราให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ที่มีส่วนได้เสีย ทั้งผู้ถือหุ้น ลูกค้า พนักงาน คู่ค้าและสังคม ปัญหาสังคม คือ ปัญหาของเรา เรายึดหลักสุจริตอย่างยิ่งในการดำเนินธุรกิจ”

นอกจากนี้ อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญเป็นเรื่องการบริหารความเสี่ยงภัยของบริษัทที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความชัดเจนจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ที่ได้ส่งผลกระทบต่ออุสาหกรรมประกันภัยทั้งโลก แต่วิริยะประกันภัยก็สามารถใช้กลยุทธ์บริหารความเสี่ยงภัยจนผ่านวิกฤตในครั้งนั้นมาด้วยดี

ทั้งนี้ ในปัจจุบันบริษัทมีเงินกองทุนอยู่ถึง 2.5 หมื่นล้านบาท มีสัดส่วนเงินกองทุนต่อการดำรงเงินกองทุนตามกฎหมายหรืออาร์บีซี 240% และมีเบี้ยประกันรับรวมอยู่ 3 หมื่นล้านบาท รวมแล้วมีเงินที่คอยดูแลลูกค้าเกือบ 6 หมื่นล้านบาท เพราะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากน้ำท่วม ซึ่งรถยนต์ลูกค้าที่ได้รับความเสียหาย 1 หมื่นคัน ได้ชดใช้หมดแล้ว ส่วนประกันภัยทรัพย์สินเสียหายจากน้ำท่วม มูลค่า 700 ล้านบาท รับความเสี่ยงไว้เองประมาณ 100 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งได้ดำเนินการจ่ายเกือบหมดแล้วเช่นกัน

แต่สิ่งสำคัญหลังจากนี้ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย ยืนยันว่า คงเป็นเรื่องการรักษาความดีให้คงอยู่มากกว่า ซึ่งบริษัทก็ต้องมุ่งมั่นที่จะรักษาคุณภาพการดำเนินงานและการให้บริการที่ดีต่อไป เพื่อเป็นแบบอย่างและเป็นกำลังใจที่เข้มแข็งในการผลักดัน ยกระดับคุณภาพธรรมาภิบาลของธุรกิจประกันภัยและสร้างวัฒนธรรมประกันภัยให้เกิดขึ้นในสังคมไทยให้ได้ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากความคุ้มครองของระบบประกันภัยได้มากขึ้น