เสรีจี้กลต.สอบสมาร์ทคอนกรีตไซฟอน

เสรีจี้กลต.เร่งสรุปสมาร์ทคอนกรีตหลังศาลสั่งสภาวิชาชีพบัญชีเปิดข้อมูลพบเข้าข่าย“ไซฟอน”ลั่นยังเป็นผู้ถือหุ้น 20%

นายเสรี จุลศักดิ์ศรีสกุล ประธานกรรมการ บริษัท คิงส์ เทเลคอม เปิดเผยว่า จากกรณีที่ตนยื่นคัดค้านต่อคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้ตรวจสอบ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) ที่ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ ซึ่งอาจมีการแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จนั้น ล่าสุดตนได้ยื่นหนังสือทวงถามไปยัง กลต.อีกรอบเพื่อขอทราบผลการตรวจสอบ

ทั้งนี้บริษัท สมาร์ทคอนกรีต เดิมชื่อ บริษัท ออโตเครป แอเรทเต็ด คอนกรีต โปรดัก จดทะเบียน เมื่อวันที่ 30 ม.ค.47 กำหนดทุนจดทะเบียน 350 ล้านบาท หุ้นจำนวน 35 ล้านหุ้น ชำระค่าหุ้นครั้งแรกหุ้นละ 3 บาท  มีผู้ถือหุ้น 3 กลุ่ม คือ  กลุ่มบริษัท ผลิตภัณฑ์ คอนกรีต ชลบุรีฯ มี นายประทีป ทีปกรสุขเกษม ร้อยละ 40 และตนถือหุ้นร้อยละ 20 และกลุ่มบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)  ที่ได้ถอนหุ้นไปโดยตนไม่ทราบ และไม่มีการเรียกชำระหุ้นเพิ่มแต่อย่างใด

นายเสรี กล่าวว่าตนได้ฟ้องร้องเป็นคดีความหลายคดี ที่สุดศาลได้มีคำสั่งให้สภาวิชาชีพบัญชีเปิดเผยผลสอบสวน ซึ่งทราบว่าบริษัท สมาร์ทคอนกรีตอ้างว่า ผู้ถือหุ้น  2 ราย คือ บริษัท เพอร์เพชวล พรอสเพอร์ริตี้ จำกัด  และบริษัท เนชั่นแนลยูเนียน จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในกลุ่มบริษัท ซิโน-ไทยฯ  ขายหุ้นให้แก่ บริษัท ดี เจ ที เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ในขณะที่ชำระค่าหุ้นๆละ 3 บาท บริษัท ดี เจ ที ได้ชำระค่าหุ้นเพิ่มเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน อันเป็นการขัดแย้งกับทะเบียนผู้ถือหุ้น ที่อ้างว่า บริษัท ดี เจ ที   รับโอนหุ้นจาก นายประทีป ทีปกรสุขเกษม จำนวน 3,499,999 หุ้น ชำระค่าหุ้นเพิ่มจากหุ้นละ 5.80 บาท เป็น 10 บาท เพียงผู้เดียวเท่านั้น แต่กลับเป็นลูกหนี้ค่าหุ้นเป็นเงินจำนวน 75,949,993.00 บาท จึงสรุปได้ว่าบริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี   ได้จ่ายเงินให้กับบริษัททั้งสอง เป็นเงินจำนวน 73,500,000 บาท  อันเป็นหุ้นรายการเดียวกันกับหุ้นที่บริษัท ดี เจ ที  ชำระค่าหุ้นเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน ซึ่งอาจเป็นการกลบเกลี่ยทางบัญชี ไม่มีการลงเงินค่าหุ้นจริง แต่ได้รับเงินค่าหุ้นจากบริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรีฯกว่า 17 ล้านบาท 

ทั้งนี้ขอให้ กลต.เร่งตรวจสอบว่ามีการตกแต่งทางบัญชีเพื่อยักย้ายถ่ายเทเงินในบริษัทผลิตภัณคอนกรีตชลบุรี อันมีลักษณะเป็นการไซฟ่อนเงินหรือไม่