posttoday

"วิสูตร แสงอรุณเลิศ" ลงทุนแยยคนทำงานอิสระ

06 กันยายน 2556

“วิสูตร แสงอรุณเลิศ” หรือ “บอย” เจ้าของพ็อกเกตบุ๊ก “งานไม่ประจำ ทำเงินกว่า” เรื่องที่คนรุ่นใหม่อยากมีชีวิตอิสระสามารถเลือกงานทำตามไลฟ์สไตล์ตั้งแต่นักแต่งเพลง บรรณาธิการนิตยสารบันเทิงคดี บรรณาธิการเล่มของสต็อกทูมอร์โรว์ที่ส่วนใหญ่แนะนำเรื่องการลงทุนหรือการสร้างแรงบันดาลใจ ครีเอทีฟ คลื่นวิทยุ เปิดร้านขายของ คนเขียนสคริปต์รายการโทรทัศน์ ขณะเดียวกันก็มีอิสรภาพในการบริหารจัดการเงินและลงทุนตามไลฟ์สไตล์ของเขาเป็นหลัก

“วิสูตร แสงอรุณเลิศ” หรือ “บอย” เจ้าของพ็อกเกตบุ๊ก “งานไม่ประจำ ทำเงินกว่า” เรื่องที่คนรุ่นใหม่อยากมีชีวิตอิสระสามารถเลือกงานทำตามไลฟ์สไตล์ตั้งแต่นักแต่งเพลง บรรณาธิการนิตยสารบันเทิงคดี บรรณาธิการเล่มของสต็อกทูมอร์โรว์ที่ส่วนใหญ่แนะนำเรื่องการลงทุนหรือการสร้างแรงบันดาลใจ ครีเอทีฟ คลื่นวิทยุ เปิดร้านขายของ คนเขียนสคริปต์รายการโทรทัศน์ ขณะเดียวกันก็มีอิสรภาพในการบริหารจัดการเงินและลงทุนตามไลฟ์สไตล์ของเขาเป็นหลัก

ชีวิตของชายวัย 38 ปี คนนี้ไม่ได้มีสูตรสำเร็จเหมือนกับคนทั่วไป เขาหันหลังให้ชีวิตงานประจำตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีและโทจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เริ่มอาชีพแรกเป็นนักแต่งเพลงค่ายแกรมมี่ที่ไม่ต้องเข้าทำงานทุกวัน ทำให้บริหารจัดการเงินจากพอร์ตชีวิตนั่นคือ การจดรายจ่ายแต่ละวันของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามแต่ได้ผลดี เพราะก่อนที่จะเขยิบไปลงทุนอย่างอื่นได้ ต้องมีเงินเหลือจากการใช้จ่ายที่จำเป็นหรือมีเงินรองรับการใช้จ่ายไปได้ประมาณ 36 เดือนข้างหน้า

ช่วงที่วงการเพลงรุ่งเรืองยังไม่มีเอ็มพี 3 เกิดขึ้น การแต่งเพลงพร้อมทำงานอื่นด้วย ทำให้รายรับมากขึ้น “บอย” จึงเริ่มหันไปออมเงินมากขึ้นจากการทำประกันชีวิตและลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เพื่อหักภาษี โดยที่ยังไม่รู้เรื่องการลงทุนมาก จึงเลือกใช้วิธีหักเข้าบัญชีเงินเดือนประจำทุกเดือน และถือเป็นจังหวะที่ดีเพราะเข้ามาช่วงที่ดัชนีหุ้นลงเพราะเกิดวิกฤตซับไพรม์ปี 2551 พอครบอายุ 5 ปี ที่ขายกองทุนได้เป็นช่วงหุ้นขาขึ้น ทำให้ได้อัตราผลตอบแทนมากกว่า 100%

เขาเริ่มลงทุนหุ้นเมื่อ 1 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา หลังเป็นบรรณาธิการพ็อกเก็ตบุ๊กแต่ละเล่มของสต็อกทูมอร์โรว์ ซึ่งทาง “ปิยะพันธ์ วงศ์ยะรา” เจ้าของ และ “ภาววิทย์ กลิ่นประทุม” ที่ปรึกษาการลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง แนะนำว่าควรเริ่มลงทุนได้แล้ว เพราะทำหนังสือเกี่ยวกับการลงทุน ถ้าลงมือปฏิบัติจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น

“เหมือนเป็นขั้นตอนของนักลงทุนมือใหม่ที่สับสนและบอกตัวเองว่าน่าจะเป็นสไตล์ทางเทคนิค เลยไปเรียนหัดดูกราฟ แต่พอเล่นในสนามจริงทำให้ต้องตื่นเช้าก่อนตลาดหุ้นเปิดระหว่างวันต้องดูหุ้น เปิดมือถือ เหมือนเฝ้าหน้าจออย่างบ้าเลือด เริ่มไม่รู้จะทำอะไรก่อนหลัง และเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ไลฟ์สไตล์ของเราแล้ว”

บางทีการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของตัวเองก็ทำให้ไร้สตางค์ได้ เขาจึงคิดว่าจะเริ่มเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนใหม่ที่เป็นไลฟ์สไตล์ของผมจริงๆ โดยไม่รบกวนเวลางานนั่นคือ การลงทุนระยะยาวมากกว่า

นอกจากชีวิตที่กดดันแล้วยังมีแนวโน้มดัชนีที่ย่ำแย่เป็นส่วนผลักดันข้อต่อมา เพราะตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาที่ดัชนีปรับตัวลงแรงได้พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนแล้วว่า เขาไม่เหมาะกับเล่นหุ้นแบบเทคนิค แม้ปัจจุบันพอร์ตลงทุนโดยรวมที่มีเงินต้น 67 แสนบาท ยังเป็นบวกได้ดูแบบเทคนิคประมาณ 10% แม้บางตัวจะทันขายตัดขาดทุนไป แต่บางตัวตอนนี้ ไม่ได้ไปแค่เที่ยวบนดอย แต่ไปเที่ยวสถานีอวกาศแล้ว

“บทเรียน 1 ปีกว่าที่ได้ลงทุนในหุ้นเคยได้อัตราผลตอบแทนสูงสุดมากกว่า 30% แต่ก็มีจังหวะที่บางตัวขาดทุนถึง 40% เช่นกัน”

ทำให้ชายคนนี้ได้ข้อสรุปว่า เงินที่ลงทุนควรเป็นเงินเย็นที่แม้ขาดทุนก็ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันภายใน 36 เดือนข้างหน้า และเป็นการลงทุนที่ต้องไม่รู้สึกกดดันว่าต้องให้ได้ผลตอบแทนจากการเล่นหุ้น และสุดท้ายทำให้รู้ว่าปกติมือใหม่มักจะมีเงินติดพอร์ตไม่ได้ มีแล้วต้องซื้อทันที แต่ความจริงหากมีเงินในบัญชีไว้ จังหวะที่หุ้นลงดิ่งแรงขนาดนี้ ถือเป็นโอกาสทยอยเก็บหุ้นเพื่อระยะยาวได้ เพราะในที่สุดการถือยาวต้องมีผลตอบแทนที่ดีในอนาคตแน่นอน

“บอย” ยังบอกว่า ชีวิตเขาโชคดีที่ได้มาเป็นนักแต่งเพลง จนเป็นเจ้าของเพลงมากกว่า 100 เพลง และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้ชีวิตในอนาคตตลอดจนการมีชีวิตอยู่ของเขาจากค่าลิขสิทธิ์ที่ใครเอาเพลงที่เขาแต่งไปใช้ และลองเปลี่ยนเทียบเพลงกับพอร์ตลงทุนหุ้นของเขาใด้ดู

อย่างเช่น เพลงจากคนรักเก่า ที่ร้องโดย “ออฟ ปองศักดิ์” เสมือนเป็นหุ้นปันผล เพราะแต่งมาจนจะครบ 10 ปีนี้ เพลงก็ยังได้รับการตอบรับที่ดีเรื่อยๆ ทั้งเรียบเรียงใหม่ เอามาร้องประกวด ขึ้นคอนเสิร์ต ทำให้ได้รับค่าลิขสิทธิ์ต่อเนื่อง หรือถ้าเพลงไหนเพิ่งแต่งและใช้เวลาแต่งไม่นานแต่พอปล่อยแป๊บเดียวก็ดัง อันนี้เหมือนเป็นหุ้นที่มีการเติบโตสูง แต่ถ้าวันหนึ่งเพลงที่แต่งไว้เพิ่งจะกลับมาดังเพราะมีการเรียบเรียงใหม่อาจถือได้ว่าเป็นหุ้นที่มีการฟื้นตัวสูง

สุดท้าย จากประสบการณ์ทำงานที่สั่งสมมา เขากล่าวว่า จุดหนึ่งจะทำให้รู้จังหวะสามารถเลือกรับงานที่รักษามูลค่าเพิ่มให้ตัวเองจนพอเพียงต่อการดำรงอยู่ได้

ทั้งนี้ คงไม่แตกต่างอะไรจากการเลือกรับงานที่มีอัตราการทำกำไรต่อชิ้นสูงสุดเหมือนบริษัทจดทะเบียนทั่วไป สิ่งสำคัญต่อคนทำงานไม่ประจำคือ ต้องมีวินัย รู้จักการสร้างแบรนด์ และการรักษาสายสัมพันธ์ เพื่อทำให้ตัวเองรู้จักใครมากกว่ารู้ว่าอย่างไร

ขณะเดียวกันก็ควรมีอิสระทางการบริหารการใช้เงินทั้งในชีวิตปัจจุบันและอนาคต สิ่งเหล่านี้จะเป็นเกราะกำบังให้พึ่งตัวเองได้ โดยไม่ต้องหวังไปพึ่งสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลจากงานประจำก็ได้

ข่าวล่าสุด

เส้นทาง “เถ้าแก่ส้ม” ร้อยล้าน ปั้นโชกุนเบตง–สายน้ำผึ้งฝางดังทั่วประเทศ