น้ำอัดลม 4.4 หมื่นล.เดือดเป๊ปซี่ท้าทวงแชมป์

การประกาศทวงแชมป์น้ำอัดลมมูลค่า 4.4 หมื่นล้านบาทคืนของค่ายเป๊ปซี่ หลังจากเสียแชมป์ให้โค้กไปเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ย่อมส่งผลให้อุณหภูมิการแข่งขันร้อนแรงอย่างยากจะหลีกเลี่ยง

ทั้งนี้ เพราะนับจากนี้ไปค่ายโค้กที่เพิ่งลิ้มรสความหอมหวานจากการยึดเก้าอี้ผู้นำ ต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะยึดครองตำแหน่งต่อไปให้นานที่สุด ขณะที่น้องใหม่อย่างเอส ก็ประกาศถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และตั้งเป้าจะช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดน้ำดำให้ได้ 20% ภายในสิ้นปีนี้

ด้านฝั่งเป๊ปซี่เอง ก่อนหน้านี้แม้จะเพลี่ยงพล้ำในแง่ของสินค้าที่ขาดตลาดไประยะหนึ่ง แต่ในเดือน ม.ค. 2557 เป๊ปซี่ประกาศเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตด้วยเครื่องจักร 8 ไลน์ ประกอบกับแบรนด์ที่แข็งแกร่งในฐานะอดีตผู้นำ และแผนการตลาดที่ตั้งเป้าบุกเต็มที่ มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งด้านการกระจายสินค้าอย่างดีเอชแอล ยิ่งทำให้เพิ่มความมั่นใจถึงขนาดวาดหวังว่าไม่เกิน 12 ปีจากนี้ ยึดบัลลังก์คืนได้แน่

ศ.ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ประธาน บริษัท เป๊ปซี่โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง กล่าวอย่างมั่นใจว่า แบรนด์เป๊ปซี่แข็งแกร่งมากในตลาดน้ำอัดลมเมืองไทย เพียงแต่ที่ผ่านมามีปัญหาในการผลิตสินค้าหลังจากเลิกสัญญากับบริษัท เสริมสุข ทำให้ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ เมื่อมีความพร้อมทั้งด้านสินค้า การกระจายสินค้าและตัวแทนจำหน่าย ทำให้เป๊ปซี่จะกลับมาผงาดในตลาดแน่นอนและต้องเร็วที่สุด

ขณะนี้จุดอ่อนของเป๊ปซี่อยู่ที่ช่องทางร้านอาหาร โรงแรม และร้านค้าย่อยที่ต้องเร่งขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมและทั่วถึงมากที่สุด อีกทั้งมองว่าแม้จะไม่มีขวดแก้วเหมือนคู่แข่ง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำคัญ เพราะเชื่อว่าเทรนด์นับจากนี้ขวดเพ็ทและกระป๋องหรือแคนจะขยับก้าวขึ้นมาแทนขวดแก้ว

ขณะที่แหล่งข่าวจากบริษัท เสริมสุข ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมเอส กล่าวว่า หลังจากเอสเดินหน้าทำตลาดและสร้างแบรนด์มาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่หมดสัญญากับเป๊ปซี่ โค เมื่อวันที่ 1 พ.ย. กระทั่ง 8 เดือน มียอดขาย 5,000 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่ง 15% โดยหมัดเด็ดในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ เสริมสุขได้เตรียมแผนการตลาดไว้อย่างเต็มรูปแบบ

ทั้งนี้ สมรภูมิตลาดน้ำอัดลมจะกลับมาแข่งขันรุนแรงในช่วงไตรมาส 4 อีกครั้ง เนื่องจากเป็นไตรมาสที่สร้างรายได้รองจากในช่วงหน้าร้อน นอกจากนี้ยังเป็นช่วงโค้งสุดท้ายที่ทุกรายต้องใส่เต็มที่ เพื่อให้ได้ส่วนแบ่งตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะการเปิดตัวแคมเปญการตลาดของแต่ละค่าย

ฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข กล่าวว่า แผนการตลาดในช่วงโค้งสุดท้าย จะผลักดันให้ในปีแรกของเอส หรือในวันที่ 2 พ.ย. 2556 มีส่วนแบ่ง 20% หรือมีรายได้ 8,000 ล้านบาท หลังจากยอดขาย 8 เดือน (พ.ย. 2555-มิ.ย. 2556) ราว 5,000 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่ง 15%

สำหรับบริษัท โคคาโคลา ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมโค้ก รายงานว่า ในช่วงไตรมาส 4 บริษัทจะชูหมัดเด็ดกลยุทธ์การทำมิวสิก มาร์เก็ตติ้ง รวมทั้งการจัดแคมเปญต่างๆ เพื่อรองรับกับการประกาศทวงตำแหน่งผู้นำตลาดของเป๊ปซี่ โดย 6 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มน้ำอัดลมมีอัตราเติบโต 24%

ด้าน พรวุฒิ สารสิน รองประธานกรรมการ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายโค้ก กล่าวว่า แผนการตลาดเพื่อตอกย้ำผู้นำตลาดและสู่เป้าหมายในปี 2563 รายได้โค้กเติบโตเป็น 2 เท่า โดยบริษัทวางแผน 3 ยุทธศาสตร์ คือ ลงทุนกำลังผลิต ระบบจัดจำหน่าย และรุกกลุ่มน้ำอัดลม รวมถึงการขยายสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มไม่อัดก๊าซ มีสัดส่วนรายได้ 20%

สิ่งที่ท้าทายของโค้ก คือ ต้องเพิ่มความแข็งแกร่งองค์กรเพื่อต่อยอดได้ ทั้งเรื่องการขาย ซัพพลายเชน บริษัททำทุกอย่างเพื่อรักษาผู้นำตลาดและเพิ่มส่วนแบ่งของกลุ่มน้ำอัดลม ซึ่งปัจจุบันในน้ำดำและน้ำสีครองส่วนแบ่ง 55.5% จากมูลค่า 4 หมื่นล้านบาท ส่วนน้ำดำ โค้ก เป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 50%

วันนี้ค่ายโค้กยังเป็นผู้นำตลาด แต่หากดูอาวุธที่ทุกค่ายพร้อมจะใส่เข้าไปอย่างเต็มที่แล้ว ต้องบอกว่านับแต่นี้สงครามตลาดน้ำอัดลมจะระอุดุเดือด อย่างยาวนานและต่อเนื่องแน่นอน โดยมีเค้กตลาด 4.4 หมื่นล้านบาท เป็นเดิมพันโค้กทั้งนี้ ปัจจุบันบ

ริษัทเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มรวมมูลค่า 1.68 แสนล้านบาท ด้วยส่วนแบ่งตลาด 20% จากการมีเครื่องดื่มในเครือรวม 9 แบรนด์ มากกว่า 20 ผลิตภัณฑ์ ขณะที่กลุ่มน้ำอัดลมมูลค่า 4.4 หมื่นล้านบาท ทั้งน้ำดำและน้ำสีครองส่วนแบ่ง 55.5% ส่วนน้ำดำ โค้ก เป็นผู้นำตลาดแทนที่เป๊ปซี่ด้วยส่วนแบ่ง 50%