แมงป่องคืนเอ็มเอไอต.ค.นี้

หลังพักฟื้นฟูหยุดซื้อขายมานาน3ปียันมีกำไร9ไตรมาสต่อเนื่องกัน

แมงป่องหวนคืนจะเข้าเอ็ม เอ ไอ 2 เดือนข้างหน้านี้หลังหยุดซื้อขายนานร่วม 3 ปี

นายธิบดี มังคะลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล พลัส แอดไวซอรี่ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท แมงป่อง 1989 (MPG) เผยว่าจะนำหลักทรัพย์ MPG กลับเข้ามาซื้อขายในตลาดเอ็ม เอ ไอ (mai) ภายใน 2 เดือนข้างหน้านี้ หลังจากต้องหยุดการซื้อขายไปเป็นเวลาประมาณ 3 ปี เนื่องจากเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ

ทั้งนี้ ในช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้ยื่นทำเรื่องไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อขออนุญาตนำ MPG กลับเข้ามาซื้อขายใหม่ หลังจากได้ดำเนินการขั้นตอนการฟื้นฟูกิจการเสร็จสิ้น และมีผลการดำเนินรายไตรมาสถึงไตรมาสแรกที่ผ่านกลับมาเป็นบวกติดต่อกัน 8 ไตรมาส และล่าสุดในไตรมาส 2 ที่ผ่านมายังมีกำไรสุทธิต่อเนื่องอยู่ที่ 2.52 ล้านบาท

ขณะนี้อยู่ระหว่างรอตลาดหลักทรัพย์พิจารณาตรวจงบการเงินไตรมาส 2 ที่แจ้งไปล่าสุด ซึ่งยังรอว่าจะมีการเรียกข้อมูลเพิ่มอีกหรือไม่ โดยหากผ่านการอนุมัติดังกล่าวแล้ว ขั้นตอนถัดไปตลาดหลักทรัพย์จะเป็นผู้ส่งงบการเงินไปให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พิจารณาตรวจสอบและหากไม่พบประเด็นปัญหาก็จะได้รับอนุมัติและมีโอกาสที่จะนำหลักทรัพย์ของ MPG กลับเข้ามาซื้อขายได้ตามกรอบเวลาที่คาดไว้

นอกจากนี้ MPG ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจอีกจำนวน 3 ราย เพื่อต่อยอดไปยังธุรกิจใหม่เพิ่มเติม ซึ่งยังเกี่ยวโยงกับธุรกิจเดิมของ MPG ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้จำหน่ายแผ่นซีดี ดีวีดี บลูเรย์ ทั้งเพลงและภาพยนตร์ อีกทั้งยังมีแผ่นเสียงเพลงที่กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยธุรกิจดังกล่าวเป็นรายได้สัดส่วน 100% ของ MPG ประกอบกับเป็นการเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจเดิมและต้องการลงไปยังธุรกิจต้นน้ำ เน้นเจาะฐานลูกค้ารายย่อยที่ยังมีความต้องบริโภคที่แท้จริงขยายตัว 23% ต่อปีผ่านสาขาของ MPG ที่มีทั่วประเทศประมาณ 40 แห่ง โดยรูปแบบอยู่ระหว่างเจรจา

ขณะนี้มีทั้งการร่วมทุน (Joint Venture) และการจับมือร่วมกันทางธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะมีข้อสรุปภายใน 1 เดือนข้างหน้านี้ โดยขณะนี้ในส่วนของแหล่งเงินลงทุนมีความพร้อมจากเงินสดที่มีในมือหลังการเพิ่มทุนและได้ชำระคืนเจ้าหนี้สถาบันการเงินเหลืออยู่ประมาณ 50-60 ล้านบาท

แหล่งข่าวจากบริษัท แมงป่อง 1989 (MPG) กล่าวว่า ภายหลังจากขั้นตอนการเพิ่มทุนที่ผ่านมา โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) ได้เงินมา 140 ล้านบาท และแปลงหนี้เป็นทุนได้เงินมาอีกกว่า 300 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีฐานะการเงินดีขึ้น โดยมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 877 ล้านบาท จากเดิมที่ 414 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นกลับมาเป็นบวก จากเดิมที่เคยติดลบประมาณ 300 ล้านบาท

ตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ หากบริษัทจดทะเบียนมีปัญหาฟื้นฟูกิจการจากปัญหาการขาดทุนและส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ ส่งผลให้หลักทรัพย์ต้องหยุดการซื้อขาย หากสามารถดำเนินฟื้นฟูกิจการเสร็จสิ้นจนมีฐานะการเงินที่แข็งแรงและกลับมีกำไรสุทธิ มีคุณสมบัติผ่านหลักเกณฑ์สามารถยื่นเรื่อง เพื่อขอนำหลักทรัพย์กลับเข้าซื้อขายได้ใหม่ทั้ง SET และ mai