นุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ หญิงแกร่ง บางกอก เดค-คอน

บริษัท บางกอก เดคคอน (BKD) ผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาตกแต่งภายในครบวงจรภายใต้การนำของ “นุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ” ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ เป็นอีกหนึ่งรายที่เตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้ประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) และอยู่ระหว่างรอให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติ

กว่าที่ BKD จะเติบโตถึงขนาดนี้ได้ เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของหญิงแกร่งคนนี้ที่เป็นผู้บุกเบิก ดูแล และต่อยอดให้บริษัทเติบโตเกือบ 30 ปี

เธอเล่าว่า อุบัติเหตุชีวิตทำให้เธอได้ทำงานและเริ่มเป็นเจ้าของธุรกิจผลิตเฟอร์นิเจอร์มาตั้งแต่ปี 2528 ด้วยวัยเพียง 18 ปี

5 ปีต่อมา เริ่มเห็นช่องทางการเติบโตด้วยการขยายงานเป็นผู้รับเหมาออกแบบตกแต่งภายในทั้งนี้เพราะต้องการสร้างความแตกต่าง จากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ที่ส่วนใหญ่มีแต่การผลิตออกมาในรูปแบบที่ซ้ำๆ กัน

จนวันนี้เธอได้ตัดสินใจนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น เหตุผลสำคัญ คือ จะทำให้บริษัทเป็นที่รู้จักและสะดวกต่อการรับงานมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเตรียมพร้อมที่จะก้าวไปรับงานในต่างประเทศรับเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) อย่างพม่าหรือกัมพูชา ที่คาดว่าจะเริ่มสรุปพันธมิตรที่เป็นบริษัทในพม่าและเริ่มการทำงานร่วมกันเป็นรูปร่างได้ภายในปี 2557 นี้

เกือบ 30 ปีที่ผ่านมานี้ “นุชนารถ” บอกว่า เธอผ่านกระบวนการทุกขั้นตอนมาหมด ตั้งแต่ขับรถส่งของ ทาสี ขายของ ทั้งหมดเรียนรู้ด้วยตนเองมาตลอด พบการรับน้องในอุตสาหกรรม เจอการแข่งขันที่รุนแรง แต่เธอก็ผ่านมาได้จนวันนี้เป็นผู้บริหารหญิงเพียง 1 ใน 4 บริษัทที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในอุตสาหกรรม

“แม้จะเป็นลูกผู้หญิงก็ตาม แต่เราเชื่อว่าถ้ามีความมุ่งมั่นซะอย่าง ไม่ว่าจะเพศไหนก็ตามก็สามารถประสบความสำเร็จได้”

เธอบอกว่า สิ่งที่เธอยึดเหนี่ยวและนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน คือ ต้นแบบผู้บริหารของธนาคารกรุงเทพและคำสอนของเครือสหพัฒน์ ว่า “การหยุดเดินทำให้เราถอยหลัง” ฉะนั้นเราอย่าหยุดที่จะทำงาน ต้องไม่มีอุปสรรคสำหรับเรา ถ้าเรามีความพยายามและมุ่งมั่นจะทำในสิ่งนั้นอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็น การศึกษา ภาษาอังกฤษ ก็สามารถค้าขายและสื่อสารกับต่างประเทศได้

“นุชนารถ” มองว่า จุดแข็งของ BKD คือ การที่มีโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่พร้อมรับงานออกแบบตกแต่งภายในตามคำสั่งของลูกค้าได้โดยตรง โดยมีกลยุทธ์ว่าต้องพยายามทำงานที่หน้าโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ให้มากที่สุด เพื่อลดขั้นตอนหน้างานของผู้รับเหมาให้น้อยที่สุด ซึ่งทั้งหมดจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและประหยัดเวลาการทำงานในการผลิตและส่งมอบงานได้เร็ว อีกทั้งพยายามรับงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิที่ดี ซึ่งปัจจุบันอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยที่ 20% และอัตรากำไรสุทธิที่ 10%

อย่างไรก็ดี สัดส่วนการรับงานของบริษัทมีนโยบายเน้นรับงานภาครัฐถึง 70% เพราะมีงานและได้รับเงินที่แน่นอนกว่า ขณะที่เอกชน 30% แต่ปี 2554 ถือเป็นปีไม่ปกติของบริษัทมากที่สุด เพราะมีปัญหาน้ำท่วมทำให้บริษัทต้องหันมารับงานเอกชนมากขึ้นแทน

ผลงานที่ผ่านมา มีตั้งแต่รับออกแบบตกแต่งโรงเรียน คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล สถานที่ราชการ เช่น โครงการศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร อาคารสำนักงานบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ บริษัท ปตท.

ผลประกอบการปี 2555 บริษัทมีรายได้ 943 ล้านบาท กำไรสุทธิ 162 ล้านบาท และไตรมาสแรกปี 2556 ที่ผ่านมา มีรายได้ 135 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 11 ล้านบาท ในอนาคตบริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้เติบโตได้ปีละประมาณ 15% และกำไรสุทธิปีละ 10% ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแผนการดำเนินงานเป็นไปตามงบประมาณประจำปีของหน่วยงานรัฐต่างๆ โดยยังไม่รวมงบการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ 2 ล้านล้านบาทที่กำลังจะเกิดขึ้น

แม้ “นุชนารถ” จะประสบความสำเร็จเรื่องงานแล้ว เธอก็ยังไม่หยุดที่จะต่อยอดโอกาสทางการศึกษาตัวเอง จนปัจจุบันจบปริญญาตรีด้านการบริหาร และปัจจุบันกำลังเรียนปริญญาโทคณะบริหาร ที่มหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมเรียนหลักสูตรผู้บริหารต่างๆ ด้วย

หากมีเวลาว่างเมื่อใดเธอเลือกที่จะไปพักผ่อนที่บ้านเขาใหญ่ด้วยการนอน ดูหนังหรือละครที่บ้าน และเสพอากาศบริสุทธิ์ก่อนกลับมาทำงานอย่างเต็มที่อีกครั้ง เพราะเธอจะทำงาน 7 วันเป็นส่วนใหญ่

เธอเลี้ยงดูลูกสาวคนเดียววัย 2-3 ปี เพิ่งเรียนจบปริญญาตรี และเริ่มงานแรกเป็นแอร์โฮสเตส ลูกเป็นเหมือนเพื่อนที่สามารถคุยได้ทุกอย่าง นอกจากนั้นยังให้ความเป็นอิสระกับลูกในด้านต่างๆ ตั้งแต่การเลือกเรียน เลือกใช้ชีวิตจากแม่