“วรสิทธิ์ อิสสระ”เอ็มดีชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์

“วรสิทธิ์ อิสสระ” หรือปลาวาฬ กรรมการผู้จัดการชาญอิสระ เรสซิเดนซ์ ผู้บริหารโรงแรมศรีพันวา “ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์” ขายสินทรัพย์โรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ศรีพันวา ภูเก็ต ให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ เพื่อจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา (SPWPF) เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 8 ส.ค. กองทุนนี้จะให้บริษัท ศรีพันวา แมเนจเมนท์ เช่าเป็นเวลา 15 ปี

วรสิทธิ์ เป็นทายาทนักธุรกิจพันล้านรุ่นที่ 3 ที่เข้ามาช่วยบริหารงานของครอบครัว โดยเป็นบุตรชายคนโตของ “สงกรานต์” กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ (CI) และหลานชายของ “ชาญ”

กว่าจะขึ้นมาเป็นผู้นำธุรกิจพันล้านได้ ต้องผ่านประสบการณ์มาแล้วตั้งแต่พนักงานล้างจาน พนักงานเสิร์ฟ กระทั่งบาร์เทนเดอร์ พนักงานต้อนรับและพ่อบ้าน

วรสิทธิ์จากบ้านไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และเรียนต่อที่สหรัฐ ก่อนที่จะบินไปเรียนต่อที่ดีซีทีสกูล ออฟ โฮเท็ลส์ แอนด์ บิซิเนส แมเนจเมนท์ จากสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อเข้ามาบริหารธุรกิจเต็มตัวทำให้โรงแรมศรีพันวาเป็นหนึ่งในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จ

ปลาวาฬ เล่าว่า เข้ามาบริหารศรีพันวาเพราะชอบอยู่ต่างจังหวัด เพราะตั้งแต่ยังเล็กสมัยเรียนที่อังกฤษเรียนอยู่นอกเมือง โรงเรียนตั้งอยู่ในป่าและต่อมาเมื่อไปเรียนที่สหรัฐ อยู่รัฐฟลอริดาเป็นเมืองทะเล เมื่อเรียนจบการโรงแรมได้ไปฝึกงานที่อิตาลี เป็นเมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบ

โครงการศรีพันวาเริ่มพัฒนาในปี 2546 โดยบริษัท ชาญอิสสระ เรสซิเดนซ์ บนพื้นที่ประมาณ 76 ไร่ แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ โรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์หรู ธุรกิจขายบ้านพักตากอากาศและหรือให้เช่าระยะยาว และที่ดินรอการพัฒนา

โรงแรมศรีพันวาเกิดจากแนวคิดที่ว่า ทำอย่างไรให้คนมาพักที่นี่แทนที่จะพักบ้านตากอากาศปีละหน จึงแบ่งสัดส่วนของโรงแรมเป็นพูลวิลลา ตอนนั้นโรงแรมหรูที่ภูเก็ตมีเพียง 2 โรงแรม และมีพูลวิลลาแค่ 1 โรงแรม ไม่เพียงพอกับความต้องการของนักท่องเที่ยว

“โรงแรมศรีพันวา คุณพ่อท่านค้นคว้าสำรวจข้อมูลทางการตลาดมานานถึง 3 ปี จนมั่นใจว่าทำตัวเลขได้ตามเป้าหมายแน่ จึงดำเนินการก่อสร้าง”

เริ่มสร้างโรงแรมปี 2545 เขาเข้ามาดูแลปี 2546 โครงการโรงแรมศรีพันวาเปิดมา 3 ปีแล้วและยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน ขณะนี้รายได้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายแล้ว คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้ใน 78 ปีนี้

ปลาวาฬ กล่าวว่า อัตราเข้าพักของโรงแรมปี 2555 ที่ 47% ปีนี้คาดว่าทั้งปี 2556 ตั้งเป้าไว้ว่าจะถึง 55% และใน 7 ปีถึง 68% โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นเอเชีย โดยเฉพาะคนจีน รองลงมา คือ เกาหลี

ความสำเร็จของโรงแรมศรีพันวา ไม่ได้แค่มาตรฐานการให้บริการ แต่ยังรวมถึงกลยุทธ์ในการขาย

ปลาวาฬ เล่าว่า บริษัทเน้นระบบการขายทางอินเทอร์เน็ต โดยมีเว็บไซต์ของโรงแรมตั้งแต่ปี 2546 และมีข้อมูลทันสมัยตลอด จากเดิมที่เน้นโบรชัวร์

“เราศึกษาระบบการตลาดทางออนไลน์ก่อนเว็บไซต์อโกดาเกิด ทำให้ปัจจุบันนี้ยอดขายห้องพักส่วนใหญ่หรือ 35% ผ่านออนไลน์ ที่เหลือ 30% ผ่านเอเยนต์ และโทรจองโดยตรงกับพนักงาน”

ล่าสุดอันดับจากเว็บไซต์พันทิปให้เป็น 1 ใน 5 โรงแรมที่ยอดเยี่ยมที่สุดปีที่แล้ว กูเกิล ประเทศไทย ให้รางวัลโรงแรมศรีพันวา เป็นชื่อที่คนเกาหลี ญี่ปุ่น ค้นหามากที่สุด

แม้ว่าจะเป็นโรงแรมหรู แต่เน้นลูกค้าทุกชาติ เดือน มี.ค. และ พ.ย. ลูกค้ายุโรปหนีหนาวมาเที่ยวไทย เดือน พ.ค. และ ส.ค. ลูกค้าเอเชียปิดเทอม

สำหรับบ้านพักตากอากาศได้ทยอยสร้างเป็นเฟส เฟสละ 10 หลัง ขนาด 35 ห้องนอน หลังละ 45-300 ล้านบาท ตารางเมตรละหลายแสนบาท โครงการบ้านพักตากอากาศเปิดขายตั้งแต่ปี 2547-2549 รวม 20 กว่าหลังขายหมดคนแย่งกันซื้อ คนซื้อกระจายกันไปใน 13 ชาติ ทั้งไทย อินเดีย ญี่ปุ่น เยอรมนี จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และสวีเดน เป็นต้น

“เริ่มแรกคุณพ่ออยากสร้าง 38 วิลลา หลังละ 30 ล้านบาท นับว่าเกินคาดที่ตั้งไว้ เพราะทุกวิลลามีวิว และเรามีโรงแรมเป็นมาตรฐานการให้บริการ เรามีบริการลูกค้ารับบริหารด้วย ถ้าลูกค้าซื้อแล้วไม่มาอยู่ ช่วงว่างสามารถให้เราเช่า ตอนนี้มี 12 หลังปล่อยให้เช่าในลักษณะแบ่งกำไร”

ปลาวาฬ เล่าว่า แม้ว่าทำงานธุรกิจของครอบครัว แต่เป็นการบริหารงานแบบระบบอาชีพ การขายสินทรัพย์เข้ากองทุนต่อยอดในการทำธุรกิจได้อีกมากจากเดิมที่ใช้เงินกู้ และจะทยอยขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอีก แต่อาจมีขนาดเล็กกว่าโรงแรมศรีพันวา เพราะมีที่เหลือรอการพัฒนาใน 1-2 ปีนี้