ทำความรู้จักกับ Gen M
“Gen M คือใคร?” หลายท่านอาจไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน แต่ผมเชื่อว่าหลังจากนี้ท่านจะเริ่มได้ยินบ่อยขึ้นครับ Generation M (Millennium Generation) คือ ภาคล่าสุด หลังการก่อกำเนิดของ 3 Generations ก่อนหน้า อันได้แก่ Gen B (Baby Boomer Generation) ผู้มีชีวิตเพื่อการทำงาน เคารพกฎเกณฑ์ กติกา อดทน ให้ความสำคัญกับผลงาน แม้ว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบความสำเร็จ Gen X (Extraordinary Generation) ผู้เรียบง่าย ไม่ต้องเป็นทางการ ให้ความสำคัญกับเรื่องความสมดุลระหว่างงานกับครอบครัว (WorkLife Balance) เป็นคนมีแนวคิดและการทำงานในลักษณะรู้ทุกอย่างทำทุกอย่างได้เพียงลำพัง ไม่พึ่งพาใคร และ Gen Y (Why Generation) ผู้โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี เป็นวัยที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน มีลักษณะนิสัยชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบอยู่ในกรอบ และไม่ชอบเงื่อนไข
“Gen M คือใคร?” หลายท่านอาจไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน แต่ผมเชื่อว่าหลังจากนี้ท่านจะเริ่มได้ยินบ่อยขึ้นครับ Generation M (Millennium Generation) คือ ภาคล่าสุด หลังการก่อกำเนิดของ 3 Generations ก่อนหน้า อันได้แก่ Gen B (Baby Boomer Generation) ผู้มีชีวิตเพื่อการทำงาน เคารพกฎเกณฑ์ กติกา อดทน ให้ความสำคัญกับผลงาน แม้ว่าจะต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบความสำเร็จ Gen X (Extraordinary Generation) ผู้เรียบง่าย ไม่ต้องเป็นทางการ ให้ความสำคัญกับเรื่องความสมดุลระหว่างงานกับครอบครัว (WorkLife Balance) เป็นคนมีแนวคิดและการทำงานในลักษณะรู้ทุกอย่างทำทุกอย่างได้เพียงลำพัง ไม่พึ่งพาใคร และ Gen Y (Why Generation) ผู้โตมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี เป็นวัยที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่วัยทำงาน มีลักษณะนิสัยชอบแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบอยู่ในกรอบ และไม่ชอบเงื่อนไข
Generation M (Millennium Generation) อายุปัจจุบันจะอยู่ในช่วง 1824 ปี บางตำรารวมเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีด้วย หรือที่เรียกกันติดปากว่า เด็กแนว เป็นสมาชิกในครอบครัวที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เกิดมาพร้อมกับคำว่าโชคดี โชคดีไปเสียทุกอย่าง หน้าตาก็ดี เรียนก็เก่ง พ่อแม่ก็มีเงินให้ใช้ และได้รับการอบรมสั่งสอนไม่ให้ตกอยู่ในอำนาจของสิ่งยั่วยุมอมเมา เช่น ยาเสพติด สุรา ทีวีมอมเมาเยาวชน พฤติกรรมก้าวร้าว เอดส์ รวมไปถึงการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันสมควร Gen M เป็นผู้บริโภคแห่งความหวัง (Generation of Hope) ที่ผู้ใหญ่หวังว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อแก้ไขความผิดพลาดที่ตนทำในอดีต บุคคลกลุ่มอายุนี้จะให้ความสำคัญกับคอมพิวเตอร์ ภาษาอังกฤษ ไม่ชอบเป็นลูกจ้าง อยากเป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็ก มีแนวทางและอิสระเป็นของตัวเองชัดเจน ชอบดู Channel V และ MTV ที่สำคัญ “ใช้ชีวิตขาดเครือข่ายไม่ได้” เพราะใช้บริการอินเทอร์เน็ตเพื่อคลิกดูเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และไอจี
ในสายตาของผู้ใหญ่จะมองว่ากลุ่ม Gen M ใช้เงินเก่ง/เปลือง มั่นใจสูง ภาษาวิบัติ ทำตัวเป็นจุดเด่นไม่อดทน เอาแต่ใจไร้เหตุผล ล้ำสมัย อินเทรนด์ และหมกมุ่นกับการแชต ในขณะที่กลุ่มคน Gen M กลับมองตัวเองว่าเป็นคนมุ่งมั่น ตั้งใจ จริงใจ ไม่เสแสร้ง ชอบแฟชั่น ชอบเล่นเกม ไม่อยากซ้ำ ติดเพื่อน ขี้เบื่อ อยากแนวทันโลกทันสมัย และมีความเป็นตัวของตัวเอง
เมื่อวัยรุ่นยุคใหม่กลุ่มนี้ก้าวเข้าสู่ชีวิตวัยทำงาน จะเป็นกลุ่มคนที่ถูกมองว่าจะมีอิทธิพลต่อรูปแบบของการทำงานในอนาคตอย่างมาก ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผมมีโอกาสไปอ่านเจอรายงานผลการศึกษาของ Ericsson ConsumerLab ที่ศึกษามุมมองการก้าวเข้าสู่ชีวิตการทำงานของกลุ่ม Generation M หรือที่เรียกว่า “The Millennials” โดยเน้นไปที่วัยรุ่นอายุระหว่าง 2229 ปี จำนวนทั้งหมด 64 คน ในซานฟรานซิสโกและซิลิคอน วัลเลย์ ซึ่งเป็นคนที่เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยและมีไฟในการทำงานและมีมุมมองต่อตัวเองในการที่จะก้าวไปสู่ตำแหน่งผู้บริหารในอนาคต ข้อค้นพบที่สำคัญของรายงานฉบับนี้พบว่า
* กลุ่ม Generation M ตระหนักว่าการใช้เวลากับการติดต่อสื่อสารเรื่องส่วนตัวในระหว่างชั่วโมงการทำงานถือว่าเป็นสิทธิที่พวกเขาสามารถทำได้ กลุ่มวัยรุ่นนี้มีความกระตือรือร้นและเอาใจใส่ต่องานที่ได้รับมอบหมาย แต่ทั้งนี้พวกเขาก็ยังคงคำนึงถึงโลกชีวิตส่วนตัวของพวกเขาด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงมองว่าการเช็กเฟซบุ๊ก หรือการแชตข้อความส่งหาคนอื่นๆ ในช่วงเวลาทำงานตลอดวันเป็นสิทธิที่พวกเขาควรจะได้รับ
*กลุ่ม Generation M มีความต้องการที่จะรักษาความสมดุลระหว่างการทำงานและโลกชีวิตส่วนตัว ดังนั้นพวกเขาจึงมีความคาดหวังที่ว่าหัวหน้า หรือเจ้านายของเขาจะยอมรับกับเรื่องนี้ได้
* กลุ่ม Generation M ต้องการการทำงานที่สามารถได้ใกล้ชิดกับหัวหน้างาน รวมทั้งการได้รับฟีดแบ็ก (Feedback) อย่างสม่ำเสมอ พวกเขาจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความอดทน ไม่ชอบการทำงานที่ดูคลุมเครือและวัดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนไม่ได้ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการเติบโตขึ้นมาในสังคมยุคที่มีการใช้เฟซบุ๊กอย่างแพร่หลาย พร้อมกับความเคยชินที่ได้จะรับฟีดแบ็กต่างๆ ที่รวดเร็วอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น จึงส่งผลทำให้เด็กในยุคนี้จะไม่ชอบการติดต่อสื่อสารใดๆ ที่ได้รับการตอบกลับที่ช้าหรือการที่ไม่ได้รับการตอบกลับมาในทันที
* องค์กรในฝันของกลุ่ม Generation M ชอบองค์กรแนวราบไม่มีการจัดแบ่งตำแหน่งฝ่ายที่ยุ่งยากซับซ้อนชอบทำงานเป็นทีมและอยู่กับคนที่อายุไล่เลี่ยกัน มีการดำเนินงานและการวัดผลที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม มีความใกล้ชิดกับหัวหน้างาน และการได้รับฟีดแบ็กตลอดเวลา
ผมเชื่อว่าทุกองค์กรประกอบไปด้วยบุคลากรหลากหลาย Generation ที่ต้องทำงานร่วมกัน หลายครั้งที่ความต่างทางอายุทำให้ท่านที่อาวุโสกว่าเกิดความสับสนและไม่ค่อยเข้าใจคนรุ่นใหม่ จนบางครั้งรู้สึกอึดอัดใจที่ต้องทำงานร่วมกัน ยิ่งหากคนคนนั้นเป็นลูกน้องของท่านด้วยแล้ว ความลำบากใจคงเกิดขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ แต่ผมเชื่อว่าข้อมูลวันนี้อาจช่วยให้ท่านเข้าใจและปรับมุมมองในชีวิตการทำงาน เพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้อย่างราบรื่นนะครับ


