posttoday

“บาร์บี้”ของเล่นที่ไม่มีวันตกยุค

13 มิถุนายน 2556

โดย...ณัฐสุดา จิตตปาลพงศ์

โดย...ณัฐสุดา จิตตปาลพงศ์

แม้อายุอานามจะปาเข้าไปเลข “5” และผ่านการเปลี่ยนโฉมมาแล้วนับไม่ถ้วน แต่เชื่อว่า ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะไม่รู้จัก “บาร์บี้” (Barbie) ตุ๊กตาของเล่นยอดฮิตอันดับ 1 ของโลก

เพราะสำหรับเด็กหญิง ตลอดจนผู้ใหญ่หลายๆ คน บาร์บี้นั้นเป็นมากกว่าแค่ตุ๊กตาที่ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน แต่คือเพื่อนซี้ที่ไม่เคยทอดทิ้งเจ้าของ และที่สำคัญก็คือ เป็น “ครู” ที่มักมีข้อคิดดีๆ แฝงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการไม่ยอมปล่อยให้ “เพศ” เป็นอุปสรรคต่อการไล่ล่าความฝันซึ่งเห็นได้จากการที่ตุ๊กตาบาร์บี้นั้นมีมากกว่า 130 อาชีพ ไล่เรียงตั้งแต่คุณครู หมอ ตลอดจนตำรวจ ทหาร และนักบินอวกาศ

นอกจากนี้ ยังสอนให้เด็กผู้หญิงรู้จักยอมรับความแตกต่างในสังคม อาทิ การสร้างตุ๊กตา “คริสตี้” ซึ่งเป็นเพื่อนบาร์บี้และเป็นตัวละครแอฟริกัน “แทตทู บาร์บี้” หรือบาร์บี้ที่มีรอยสัก รวมทั้ง “วีลแชร์ บาร์บี้” ซึ่งเป็นบาร์บี้ที่นั่งรถเข็นนั่นเอง

“วัตถุประสงค์ในการสร้างตุ๊กตาบาร์บี้ก็คือ เพื่อให้เด็กๆ เชื่อว่า พวกเขาสามารถเป็นอะไรก็ได้ บาร์บี้ คือ ตัวแทนของหญิงสาวยุคใหม่ที่มีทางเลือกอยู่เสมอ” รูธ แฮนด์เลอร์ ผู้ให้กำเนิดตุ๊กตาบาร์บี้ กล่าว

ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นของบาร์บี้เกิดขึ้นในปี 1959 เมื่อ รูธ เห็นลูกสาว บาร์บารา เล่นกับตุ๊กตากระดาษเพราะในยุคสมัยนั้น ตุ๊กตาส่วนใหญ่มักอยู่ในรูปของ “เด็กทารก” รูธจึงเล็งเห็นถึงโอกาสสำคัญในตลาด สำหรับตุ๊กตาที่มีรูปร่างเหมือนหญิงสาวจริงๆ ซึ่งหลังจากที่เจ้าตัวนำไอเดียไปเสนอให้กับสามี ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท แมทเทล บริษัทของเล่นยักษ์ใหญ่ของโลก ทางสามี ตลอดจนทีมบริหารของแมทเทล ก็ตัดสินใจสร้างตุ๊กตา “บาร์บารา มิลลิเซนต์ โรเบิร์ตส” หรือเรียกสั้นๆ ว่า บาร์บี้ ขึ้นมาเพื่อเอาใจเด็กผู้หญิงที่ชอบเล่นแต่งตัวซึ่งแน่นอนว่า ในส่วนของชื่อนั้น รูธตั้งตามชื่อลูกสาว

เพียงแค่ปีแรกที่เปิดตัว บาร์บี้รุ่นแรก ซึ่งสวมชุดว่ายน้ำลายขวางสีขาวดำ และมีรูปร่างหน้าตาต่างจากตุ๊กตาบาร์บี้ในยุคปัจจุบัน ก็ขายได้มากถึง 3.5 แสนตัว โดยส่วนหนึ่งของความสำเร็จนั้นคือ การใช้กลยุทธ์การตลาดโดยเน้นการโฆษณาผ่านโทรทัศน์

หลังจากนั้นทางแมทเทลก็เริ่มผลิตบาร์บี้คอลเลกชันต่างๆ ออกมามากขึ้น ทั้งการเพิ่มตัวละคร โดยเฉพาะ “เคน” แฟนหนุ่มของบาร์บี้ การเพิ่มความหลากหลายของอาชีพของบาร์บี้ รวมทั้งแอกเซสซอรีต่างๆ ซึ่งประจวบเหมาะกับช่วงที่กระแสเฟมินิสต์กำลังลุกลามไปทั่วสหรัฐพอดิบพอดี

ทั้งนี้ ปัจจุบัน แมทเทลมีรายได้จากการจำหน่ายตุ๊กตาบาร์บี้ทั่วโลกราว 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.9 หมื่นล้านบาท) ต่อปี โดยทางบริษัทนั้นเผยว่า ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ตุ๊กตาบาร์บี้ก็ยังคงได้รับความนิยมเหมือนเดิม ซึ่งเห็นได้จากข้อมูลล่าสุด ที่พบว่า ทุกๆ 3 วินาที จะต้องมีลูกค้าซื้อบาร์บี้ 1 ตัว

แน่นอนว่า เคล็ดลับสำคัญสู่ความสำเร็จของผู้ผลิตบาร์บี้ คือ 1.ไม่หยุดนิ่ง รู้จักพัฒนาและปรับเปลี่ยนสินค้าให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสังคมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเห็นได้จากความหลากหลายของตุ๊กตานั่นเอง 2.ต่อยอดธุรกิจได้อย่างชาญฉลาด เช่น การนำแบรนด์บาร์บี้ไปใช้สร้างการ์ตูน หนังสือ เสื้อผ้า และล่าสุดก็คือ “บ้านบาร์บี้ยักษ์” ที่ให้แฟนๆ บาร์บี้สามารถเข้าไปนั่งเล่นในบ้านบาร์บี้ได้จริง

แต่คงไม่มีปัจจัยอะไรสำคัญเท่ากับความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้สามารถฝ่าฟันวิกฤตต่างๆ ได้ เช่น การเอาชนะตุ๊กตาคู่แข่ง รวมทั้งการถูกโจมตีว่าส่งเสริมให้เด็กห่วงภาพลักษณ์ของตัวเอง เพราะหากนำสัดส่วนบาร์บี้มาคำนวณแล้ว พบว่า จะมีน้ำหนักต่ำมากเทียบเท่าผู้ป่วยโรคการกินผิดปกติเลยทีเดียว

“ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี บาร์บี้ก็ยังคงมีความสำคัญกับฉันเสมอ และหากฉันมีลูกสาว ฉันก็จะซื้อบาร์บี้ให้เธอเล่นอย่างแน่นอน” หญิงสาวชาวอเมริกันคนหนึ่ง กล่าว

ข่าวล่าสุด

ถอดพฤติกรรมการเงินคนไทย 4 เจเนอเรชัน จาก Gen Z ถึง Baby Boomer