ลงขัน5เอกชนซื้อยางผ่านตลาดล่วงหน้า
ไทยเตรียมลงขันร่วม 5เสือเอกชนยางไทย 210 ล้านบาทซื้อยางผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า 4.2 หมื่นตัน
ไทยเตรียมลงขันร่วม 5เสือเอกชนยางไทย 210 ล้านบาทซื้อยางผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า 4.2 หมื่นตัน
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการรักษาเสถียรภาพราคายางพาราเห็นชอบที่จะเดินทางหน้าโครงการร่วมมือกับภาคเอกชนในการซื้อยางในสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET) เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการซื้อขายยางของโลกแทนตลาดโตคอมของญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมาย ให้ราคายางในประเทศไปอยู่ที่ 110 บาทต่อกิโลกรัมในเดือน ส.ค.
"ที่ประชุมวันนี้มีมติให้องค์การส่วนยางลงทุนร่วมกับ 5 เสือบริษัทส่งออกยางของไทยคือ บริษัทไทยฮั้วรับเบอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัทศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด(มหาชน) บริษัทเซาท์แลนด์ รับเบอร์ จำกัด บริษัทวงศ์บัณฑิต จำกัด บริษัทไทยรับเบอร์ ลาแท็คซ์กรุ๊ป จำกัด และบริษัทร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ จำกัด(IRCO) โดยลงทุนรายละ 30 ล้านบาท ทำให้จะมีทุน 210 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายซื้อยางปริมาณ 4.2 หมื่นตันผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าของไทยโดยจะเริ่มซื้อในเดือน ก.ค.นี้เพื่อให้ราคามีผลในเดือนส.ค.นี้"นายยุทธพงศ์กล่าว
สำหรับรูปแบบการดำเนินการนั้นรมช.เกษตรฯกล่าวว่าได้ให้นายอำนวย ปะติเส ที่ปรึกษา ไปหารือกับบริษัทดังกล่าวเพื่อกำหนดรายละเอียดว่าจะตั้งเป็นกองทุน หรือให้ ใครเป็นผู้ดำเนินงาน ทั้งนี้คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 1เดือนเพื่อให้ทันการซื้อยางที่กำลังจะออกในเดือนก.ค.นี้
นายยุทธพงศ์กล่าวว่า เชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะทำให้ราคายางในประเทศดีขึ้น โดยใช้เงินจำนวนไม่มาก แทนการทุ่มเงินเป็นหมื่นล้านเข้าซื้อยางเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุที่ไม่เคยมีการทำโครงการนี้เพราะรัฐและเอกชนไม่ค่อยจะหารือกัน อย่างไรก็ตามแนวทางดังกล่าวไม่ต้องการประกาศว่าจะให้ยางราคาขึ้นไปถึง 120 บาทต่อกก. แต่คิดว่าเมื่อกลไกตลาดทำงานและเศรษฐกิจดีขึ้นราคาก็อาจจะไปถึงเป้าหมายได้และเชื่อว่าปี 2556 จะไม่ต้องมีโครงการรักษาเสถียรภาพราคายางอีก
อย่างไรก็ตามในเร็วนี้จะเรียกประชุมคณะกรรมการควบคุมยาง มาหารือเพื่อพิจารณาว่าจะสามารถช่วยเหลือภาคเอกชนในการซื้อยางจากตลาดโตคอมกลับมายังคลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อกระตุ้นการซื้อยางในประเทศได้หรือไม่