posttoday

เปิดมุมชุมชน"ป่าคลอก"ชุมชนแกร่งไม่ไหลตาม "ภูเก็ต"

16 พฤษภาคม 2556

โดย...ตะวัน หวังเจริญวงศ์

โดย...ตะวัน หวังเจริญวงศ์

เมื่อคิดถึง “จ.ภูเก็ต” ไม่ว่าจะในมุมมองของชาวไทยหรือมุมมองของนักท่องเที่ยว เชื่อว่าส่วนใหญ่คงนึกถึงภาพเมืองท่องเที่ยว เมืองแห่งความเจริญทางเศรษฐกิจ และเมืองสวรรค์ของคนต่างชาติ เดินไปทางไหนก็น่าจะเห็นแต่แหล่งท่องเที่ยว สินค้าของที่ระลึก และชาวต่างชาติ

แต่ในความเป็นจริง ภูเก็ตยังมีพื้นที่แห่งหนึ่ง ที่ชาวบ้านในชุมชนยังคงยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง ดำรงวัฒนธรรมประเพณีได้ภายใต้กระแสความเปลี่ยนแปลงสู่ “เมืองนานาชาติ” ตามระบบทุนนิยมทั่วภูเก็ต ที่นั่นคือพื้นที่ชุมชน ต.ป่าคลอก พื้นที่ที่ชาวบ้านมีความเข้มแข็ง พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงสู่ประชาคมอาเซียน

สมศักดิ์ ท่อทิพย์ ผู้จัดการกองทุนสวัสดิการชุมชน และประธานสภาเทศบาลตำบลป่าคลอก เล่าพื้นฐานของตำบลให้ฟังก่อนว่า ต.ป่าคลอก อ.ถลาง ประกอบด้วยหมู่บ้านทั้งหมด 9 หมู่บ้าน มีประชากรรวมประมาณ 1.2 หมื่นคน ปะปนไปทั้งผู้นับถือศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม ประชากรราวครึ่งหนึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น ทำสวนยาง สวนมะพร้าว และสวนผลไม้ ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งประกอบธุรกิจบริการ

การก้าวสู่เมืองที่ต้องรองรับความเป็นสากล เขาบอกว่าต้องใช้ 2 อย่าง 1.การมีส่วนร่วม คือต้องมีส่วนร่วมกับระดับจังหวัดในการรับความเปลี่ยนแปลงบ้าง เช่น การก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ภูเก็ตจะเป็นเมืองท่องเที่ยว ต.ป่าคลอกก็จะมีส่วนร่วมในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วย อย่างไรก็ตาม ต้องใช้หลักที่ 2.การป้องกัน คือป้องกันไม่ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากเกินไป แหล่งท่องเที่ยวในแบบฉบับของ ต.ป่าคลอก จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เช่น ปางช้าง

“เมื่อเปิดประชาคมอาเซียน เราจะมีเพื่อนบ้านเข้ามาเพิ่มขึ้น ทั้งเข้ามาเที่ยวและเข้ามาทำงาน การทำงานของคนในพื้นที่ต้องกว้างขึ้น แต่ประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่นก็ยังต้องยึดมั่น”

ส่วนหนึ่งที่ชุมชนป่าคลอกใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต คือหลักศาสนา ทั้งศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นศาสนาหลักของพื้นที่ เพื่อให้ชุมชนยังมีหลักในการดำเนินชีวิตต่อไป

สำหรับก้าวต่อไปในอนาคต ผู้ใหญ่ในชุมชนเองต้องมีส่วนร่วมในการดูแลคนรุ่นใหม่ให้ยังคงสืบสานวัฒนธรรมของท้องถิ่นต่อไป และที่สำคัญต้อง “ไม่ลืมตัวเอง” ด้วย เขาไม่อยากให้สภาพของชุมชนหายไปแบบภูเก็ต ซึ่งเขามองว่า “เลยเถิดไปแล้ว”

ด้าน สำราญ คงนาม ประธานสภาองค์กรชุมชน ต.ป่าคลอก เล่าว่า ก่อนที่ภูเก็ตจะเปลี่ยนแปลงมาสู่เมืองท่องเที่ยวนานาชาติเช่นปัจจุบัน คนในชุมชนกังวลมากว่า หากปล่อยให้ตัวเองไหลไปตามการพัฒนา ในที่สุดชุมชนอาจจะล่มสลาย เพราะผู้คนถูกกลืนไปทั้งวิถีชีวิตและวัฒนธรรม และถูกบีบให้แข่งขันกับสภาพสังคมภายนอก

ตั้งแต่ปี 2535 ชุมชนจึงได้ตั้งกองทุนสำหรับช่วยเหลือชาวบ้านในรูปแบบ “ให้ยืม” 4 เรื่อง 1.ช่วยหนี้สินนอกระบบ 2.การศึกษา 3.อุบัติเหตุ 4.รักษาโรค โดยช่วงเริ่มต้นมีเงินทุนเพียง 2.7 หมื่นบาท และมีสมาชิก 33 คน จากนั้นก็รวบรวมเงินทุนจากสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และนำไปลงทุนเพิ่มเติม เช่น การซื้อที่ดินมาขาย แล้วนำรายได้ 25% คืนสู่ชุมชน เช่น การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในชุมชน การตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก การดูแลอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น การปลูกป่าชายเลน คนในชุมชนจึงสามารถดำรงอยู่ได้ ไม่ว่าจะมีกระแสสังคมหรือกระแสโลกด้านใดเข้ามา

จากการปลูกฝังอย่างต่อเนื่อง ให้ชาวชุมชนตั้งมั่นว่าจะไม่ถามว่ากองทุนช่วยเหลือสมาชิกอย่างไร แต่กองทุนจะช่วยเหลืออะไรสังคมบ้าง ปัจจุบันสมาชิกกองทุนดังกล่าวมีมากกว่า 700 คน มีเงินทุนหมุนเวียนมากกว่า 27 ล้านบาท พร้อมนำกลับมาช่วยเหลือคนในชุมชน

เขาเล่าอีกว่า ป่าคลอกยังใช้แนวคิด “เดินสามขา” คือ ชุมชนเป็นเจ้าของ ส่วนท้องถิ่นเป็นเจ้าภาพ และหน่วยงานรัฐส่วนภูมิภาคเป็นผู้สนับสนุน แนวคิดดังกล่าวเป็นการฝึกให้ชุมชนมีความพร้อมในการจัดการตัวเอง พัฒนาตัวเองให้เข้มแข็งพร้อมรับสภาพสังคม ขณะที่มีส่วนท้องถิ่นเป็นเจ้าภาพ คอยประคับประคองการเดิน และมีส่วนภูมิภาคสนับสนุนเมื่อต้องการความช่วยเหลือ

“ภูเก็ตไม่ใช่แค่เปิดประชาคมอาเซียน แต่เราเปิดประชาคมนานาชาติไปแล้ว ป่าคลอกเองจึงพร้อม เพราะระบบการดูแลคนในชุมชนของเราเข้มแข็ง” สำราญ กล่าวหนักแน่น

ข่าวล่าสุด

อัปเดต! เลือกตั้งล่วงหน้าวิธีลงทะเบียน-ใช้สิทธิ์ 3 ช่องทาง