ทุกย่างก้าว มุ่งสู่เป้าหมายเดียวกัน...อิสรภาพทางการเงิน
ใครบ้างไม่อยากมี “อิสรภาพทางการเงิน”
โดย...สวลี ตันกุลรัตน์ [email protected]
ใครบ้างไม่อยากมี “อิสรภาพทางการเงิน”
แต่อะไรคือ อิสรภาพทางการเงิน
เว็บไซต์ tsithailand.org ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้นิยาม “อิสรภาพทางการเงิน” ไว้ว่า คือ การมีหลักประกันทางการเงินที่มั่นคงเพียงพอที่จะใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายตามสมควรแก่อัตภาพ โดยไม่ต้องพึ่งพาใครมากจนเกินไป และไม่ต้องหวาดผวากับเรื่องเงินๆ ทองๆ ว่าจะมีไม่พอกับการจับจ่ายใช้สอยเพื่อดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ
แล้วแบบไหนที่เรียกว่า “สมควรแก่อัตภาพ”
เพื่อให้เป็นมาตรวัดการมีอิสรภาพทางการเงิน tsithailand.org จึงให้ดูจาก อัตราส่วนความมั่งคั่ง ซึ่งคำนวณได้โดยนำรายได้จากทรัพย์สิน (ไม่ใช่รายได้จากการทำงาน) มาหารด้วย รายจ่าย
“ถ้าคุณมีอัตราส่วนความมั่งคั่งมากกว่า 1 ก็พอจะบอกเป็นนัยๆ ได้ว่าแม้คุณจะไม่ทำงาน คุณก็ยังมีรายได้จากทรัพย์สินมากพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้โดยไม่เดือดร้อน แบบนี้แหละ... ที่เรียกว่า อิสรภาพทางการเงิน”
เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องรวยจนเข้าขั้นอภิมหาเศรษฐี ก็มีอิสรภาพทางการเงินได้
แล้วจะทำอย่างไรถึงจะเดินไปถึงเป้าหมายในการมีอิสรภาพทางการเงิน เรื่องนี้ต้องไปถาม “กูรูการเงิน” ซึ่งกูรูแต่ละคนจะมีแนวทางและคำแนะนำของตัวเอง บางคนก็ 56 ขั้นตอน บางคนก็มีถึง 12 ขั้นตอน (เหมือนกันบ้างต่างกันบ้าง) แต่ไม่ใช่ว่า ขั้นตอนน้อยจะไปถึงเป้าหมายได้เร็วกว่า
แต่ละเส้นทางของกูรูแต่ละคนต่างพาเราไปสู่จุดหมายเดียวกัน เพราะฉะนั้นถ้าวันนี้เรายังไม่มีเส้นทางชีวิตของเราเองจะลองเลือกนำย่างก้าวของ กูรูการเงิน เหล่านี้ไปเป็นต้นแบบก็คงจะทุ่นเวลาไปได้เยอะ
8 ขั้นตอนจากโค้ชการเงิน
Adam Hagerman เรียกตัวเองว่า “โค้ชการเงิน” ซึ่งทำหน้าที่ที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคลให้กับบุคลากรภาครัฐในสหรัฐอเมริกา และพบว่าคนจำนวนมากไม่รู้จะตั้งต้นการเดินทางในเส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินอย่างไร เขาจึงแนะนำให้เดินตาม 8 ขั้นตอน ต่อไปนี้
1.กำหนดเป้าหมายทางการเงิน
2.จัดการชีวิตทางการเงินให้เข้ารูปเข้ารอย
3.วางแผนการใช้จ่ายเงิน โดยแนะนำให้จดทุกอย่างลงบนกระดาษ
4.เก็บออม แม้จะเป็นแค่เงินจำนวนเล็กน้อยก็ตาม
5.ล้างหนี้ที่มีอยู่ออกไปให้หมด
6.ออมเงินให้มากขึ้น โดยอย่างน้อยต้องมีให้ได้ 36 เท่าของค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน
7.เก็บเงินไว้สำหรับเกษียณ อย่างน้อย 15% ของรายได้ในปัจจุบัน
8.เมื่อมีเงินออมมากขึ้นก็หันกลับไปวางเป้าหมายทางการเงินใหม่และได้เวลาเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย
9 ขั้นตอนจากกูรูคนดัง
ในต่างประเทศมีกูรูด้านการเงินส่วนบุคคลจำนวนมาก แต่หนึ่งใน “กูรูคนดัง” จะต้องมีชื่อ Suze Orman อยู่ด้วยแน่นอน เพราะเธอทำทั้งรายการโทรทัศน์และเขียนหนังสือหลายเล่ม และหนึ่งในนั้น คือ The 9 Steps To Financial Freedom ซึ่งมียอดขายกว่า 3 ล้านเล่ม (เล่มที่แปลเป็นภาษาไทย ใช้ชื่อว่า บันได 9 ขั้น สู่ความมั่นคงทางการเงิน)
1.คิดย้อนกลับไปในอดีตว่า เรามีประสบการณ์เกี่ยวกับเงินอย่างไร ค้นหาความกลัวที่เรามีต่อเงิน และมันส่งผลต่อการเงินของเราในปัจจุบันอย่างไรบ้าง
2.เผชิญหน้ากับความกลัว ยอมรับ และจำกัดมันออกไป จากนั้นให้ใส่ความคิดใหม่ๆ ซึ่งเป็นความคิดในเชิงบวกลงไปแทน เช่น ฉันมีเงินมากกว่าที่ฉันต้องการ
3.ซื่อสัตย์กับตัวเองเกี่ยวกับฐานะการเงินในปัจจุบัน และตัดสินใจว่า จะใช้จ่ายเงินอย่างไร
4.รับผิดชอบต่อคนที่เรารัก โดยการทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เพื่อไม่ให้ทิ้งภาระไว้ให้คนข้างหลัง เช่น การทำประกันชีวิต และการทำพินัยกรรม
5.เคารพตัวเอง และเงินของเรา โดยการนำเงินไปลงทุนเพื่อการเกษียณ ลงทุนหุ้น กองทุนรวม และกำจัดหนี้บัตรเครดิต
6.ต้องเชื่อใจตัวเองมากกว่าคนอื่น โดยรับฟัง “เสียงจากภายใน” ซึ่งจะบอกตัวเราเองว่า อะไรคือการลงทุนที่เหมาะสำหรับตัวเรา
7.เปิดรับทุกสิ่งที่คุณสมควรได้รับ และรู้จักการแบ่งปัน
8.ทำความเข้าใจวงจรทางการเงิน เพราะมันมีขึ้นและลง แต่ถ้าเรามั่นคงในเป้าหมายและความฝันในอนาคตแล้ว จำนวนเงินที่ลดลงบ้างในวันนี้หรือในวันหน้าจะไม่มีผลต่อเป้าหมายทางการเงินระยะยาวของเรา
9.ตระหนักถึงความร่ำรวยที่แท้จริง เพราะ “เงิน” ไม่ได้ทำให้เรามีอิสรภาพทางการเงิน แต่มันเป็นอยู่ที่การนิยามตัวเราว่า เราเป็นใครและเป็นอะไร ไม่ใช่ว่าเรามีหรือไม่มีอะไร
10 วิธีของ วีรพงษ์ ชุติภัทร์
วีรพงษ์ ชุติภัทร์ อาจารย์ประจำวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะคอลัมนิสต์ เขียนไว้ในคอลัมน์ หุ้นส่วนประเทศไทย นสพ.โพสต์ทูเดย์ วันที่ 78 ส.ค. 2555 เรื่อง 10 วิธีง่ายๆ สู่อิสรภาพทางการเงิน
1.ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข โดยรักษาสมดุลระหว่างการใช้จ่ายในวันนี้กับการใช้จ่ายในวันหน้า
2.ผลักดันให้ตนเองต้อง “เรียนรู้” อยู่ตลอดเวลา เพราะความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ คือสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุด
3.หัดตัวเองให้เป็น “คนชอบวางแผน” มากกว่าเป็น “คนชอบอดออม” คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะชอบตั้งเป้าหมายให้ชีวิต และกำหนดกรอบเวลา เพื่อจะได้บังคับให้ตัวเอง
4.ต้องบรรลุเป้าหมายระยะสั้นให้ได้ แล้วเป้าหมายระยะยาวจะมาหาคุณเอง ดังนั้นจึงขอแค่ตั้งเป้าหมายระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง และมุ่งมั่นผลักดันตัวเองให้ไปถึง ในที่สุดเป้าหมายระยะยาวก็จะมาหาคุณเอง
5.เลือกสไตล์การลงทุนในแบบของเราเอง
6.ต้องมั่นใจว่า ค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตยังตามหลังเงินที่หาได้
7.ต้องอ่านงบการเงินให้เป็น เพราะความรู้ทางด้านบัญชีและการเงินขั้นพื้นฐาน เช่น การอ่านงบดุล การอ่านงบกำไรขาดทุน จำเป็นสำหรับการทำเงินให้งอกเงย ทั้งการเปิดกิจการและการลงทุนหุ้น
8.กล้าลงทุนในสิ่งที่คิดว่าเสี่ยง แต่จัดการได้
9.ต้องกล้ายืมเงินเพื่อการลงทุน ที่คิดว่าจะให้ผลตอบแทนดีและมีความเสี่ยงที่สามารถจัดการได้ เพราะจะเป็นเสมือนคานทดน้ำหนักที่จะเร่งให้เราไปถึง “อิสรภาพทางการเงิน” ได้เร็วขึ้น
10.แสวงหาเครื่องมือทางการเงินที่จะทำให้เงินงอกงามขึ้น
11 ขั้นตอนจากคอลัมนิตส์การเงิน
Julie Cazzin คอลัมนิตส์ด้านการเงิน เขียนไว้ใน MoneySense Magazine ประเทศแคนาดา โดยนำสิ่งที่เธอเรียนรู้จากพ่อมาแนะนำ
1.สำหรับคนมีคู่ สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ “คุยกัน” ถึงเป้าหมายทางการเงินของแต่ละคน เพราะโดยมากแล้วเรามักจะไม่เคยพูดถึงเป้าหมายทางการเงินของกันและกันมากนัก
2.หยิบตัวเลขออกมาโชว์ เพื่อให้รู้ว่า ฐานะการเงินในปัจจุบันเป็นอย่างไร มีสินทรัพย์เท่าไร หนี้สินมากน้อยแค่ไหน และเหลือเป็นความมั่งคั่งจริงๆ อยู่กี่บาท
3.บันทึกรายจ่าย ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญ เพราะจะทำให้รู้ว่า เราใช้จ่ายเงินไปเท่าไรในแต่ละเดือน และมีเงินออมมากน้อยแค่ไหน
4.ปรับพฤติกรรมการใช้เงิน ถ้าพบว่า รายจ่ายมากกว่ารายได้ ต้องรีบหาทางลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลงให้ได้มากที่สุด อะไรที่เคยควักกระเป๋าจ่ายออกไปง่ายๆ ต้องกลับมาทบทวนกันใหม่ และประหยัดอดออมให้มากขึ้น
5.ตั้งเป้าหมายในชีวิตว่า ในอีก 10 และ 20 ปีข้างหน้า ชีวิตเราจะต้องเป็นแบบไหน ชีวิตในวัยหลังเกษียณจะเป็นอย่างไร ซึ่งเป้าหมายต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงและสามารถเป็นไปได้
6.พัฒนากลยุทธ์ ที่จะนำไปเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเป้าหมายอาจจะห่างไกลเกินไป ถ้าเรามีภาระหนี้สิน เพราะฉะนั้นก่อนจะเดินหน้าต้องรีบจัดการภาระที่อยู่ข้างหลังเสียก่อน
7.ทบทวนการทำประกัน ประเมินความต้องการในการทำประกันชีวิต และความคุ้มครองที่มีอยู่เพียงพอแล้วหรือยัง หรือมีมากเกินจำเป็นหรือไม่
8.ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้เต็มที่
9.สร้างนโยบายการลงทุนเฉพาะตัวขึ้นมาว่า เราควรจะลงทุนสินทรัพย์ประเภทใด ในสัดส่วนเท่าไรจึงจะเหมาะสม
10.เขียนพินัยกรรม และทำให้อัพเดตอยู่เสมอ
11.นำสิ่งทำมาแล้วในขั้นตอนที่ 110 มาเขียนเป็นแผนการเงิน เพื่อเป็นแผนที่นำทางไปสู่อิสรภาพทางการเงิน
12 ขั้นตอนพลิกจากร้ายกลายเป็นรวย
J.D. Roth ชายผู้เปลี่ยนชีวิตตัวเองจากการติดหนี้งอมแงมมาเป็นกูรูการเงินผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ GetRichSlowly.org แนะนำเส้นทางที่ทำให้เขาพลิกจากชีวิตติดลบมาสู่อิสรภาพทางการเงินได้
1.ตั้งเป้าหมายทางการเงิน เพราะบนเส้นทางความมั่งคั่งจะต้องปูด้วย “เป้าหมาย” และถ้าเราเดินต่อไปโดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนก็จะทำให้ล้มเหลวและล้มเลิกได้ง่ายๆ ซึ่งเป้าหมายอาจจะเป็นอะไรก็ได้ ตั้งแต่การท่องเที่ยว ซื้อรถยนต์ แต่ก่อนจะไปถึงเป้าหมายนั้นจะต้องจ่ายหนี้ที่มีอยู่ให้หมดก่อน
2.บันทึกรายจ่ายทุกบาททุกสตางค์ เพราะมันจะทำให้รู้ว่า รายจ่ายเล็กๆ น้อยๆ ที่หายไปจากกระเป๋าเรานั้น มันเดินทางไปไหน
3.จัดทำงบค่าใช้จ่าย เพราะหลังจากบันทึกรายจ่ายอย่างละเอียดแล้ว เราจะมองเห็นช่องทางการรั่วไหลของเงิน และนำมาจัดทำเป็นงบประมาณการใช้จ่ายในแต่ละเดือน เพื่อควบคุมไม่ให้เงินออกนอกลู่นอกทาง
4.ทบทวนภาระหนี้ปีละครั้ง เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง และมองหาเงื่อนไขที่ดีกว่า ซึ่งยังรวมถึงการจ่ายเบี้ยประกันประเภทต่างๆ อีกด้วย
5.มองหาผลตอบแทนที่ดีที่สุด แม้ว่าจะเป็นแค่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่ควรละเลย โดยต้องพยายามมองหาสิ่งที่ดีที่สุด ดอกเบี้ยที่ดีที่สุด เงื่อนไขที่ดีที่สุด
6.เริ่มจัดทำบัญชีไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉิน
7.จัดการกับภาระหนี้ที่มีอยู่ (ซึ่งเขาแนะนำจากประสบการณ์ตรงของเขาว่า “อย่าย่อท้อ”)
8.เริ่มเก็บออมเพื่อวัยหลังเกษียณ
9.ทำให้เรื่องเงินกลายเป็นเรื่องอัตโนมัติ เช่น การออมเงินแบบอัตโนมัติ การลงทุนแบบอันตโนมัติ โดยการตัดเงินจากรายรับประจำ
10.หารายได้พิเศษ เพราะการลดรายจ่ายอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ
11.เรียนรู้ความสวยงามของการประหยัด เพราะอดออมไม่จำเป้นต้องอดอยาก และต้องเรียนรู้การใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
12.หาความรู้ทางการเงินและการลงทุนอยู่เสมอ


