posttoday

ฟ้อนกลองตุ้มสานวัฒนธรรมไทย-ลาว

10 พฤษภาคม 2556

โดย..ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล

โดย..ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล

“อุบลราชธานี” ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) จึงทำให้วัฒนธรรมประเพณีมีความคล้ายคลึงกันมาก จนเปรียบเสมือนเป็นบ้านพี่เมืองน้องกัน ยกตัวอย่างเช่น “ฟ้อนกลองตุ้ม” การละเล่นพื้นบ้านของชาวบ้านหนองบ่อ จ.อุบลราชธานี ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 200 ปี

คำล่า มุสิกา อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ทำการค้นคว้าเพื่อรวบรวมประเพณีเก่าแก่ของพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เล่าให้ฟังว่า ฟ้อนกลองตุ้มเป็นการแสดงในประเพณีบุญบั้งไฟช่วงเดือน 6 ของอีสาน การฟ้อนแสดงถึงความเชื่อของชาวอีสานที่มีต่อพระยาแถน โดยมีความเชื่อว่าพระยาแถนเป็นผู้สร้างโลก สามารถบันดาลความอุดมสมบูรณ์มาสู่มนุษย์ได้ ดังนั้น จึงเป็นการแสดงเพื่อขอฝนให้ตกลงมาในพื้นที่นั้น เพื่อให้ช่วยบรรเทาความแห้งแล้ง

“หากใครสังเกตจะเห็นว่าการฟ้อนกลองตุ้ม ผู้แสดงชายมักจะแต่งกายเป็นหญิง เนื่องจากในอดีตผู้แสดงเป็นชายล้วน แต่ต่อมามีผู้แสดงหญิงเข้าไปร่วมด้วย จึงมีการแต่งกายสลับกัน เพื่อให้คลำกัน (เกิดความรู้สึกสนุกสนาน) เพื่อให้พระยาแถนพอใจแล้วประทานฝนให้”

สำหรับรูปแบบและเอกลักษณ์การแสดงของบ้านหนองบ่อมีความต่างไปจากกลุ่มชาติพันธุ์ไทยลาวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ได้แก่ อุบลราชธานี ยโสธร และศรีสะเกษ คือ นำ “ซวยมือ” หมายถึง กรวยสำหรับใส่นิ้วมือมาสวมใส่นิ้วมือทั้งสิบของผู้ฟ้อนเพื่อให้เกิดความสวยงาม

ส่วนการฟ้อนจะเป็นการฟ้อนถอยหลัง เพราะมีความเชื่อว่า หากฟ้อนเดินหน้าเวลาย่อตัวแล้วจะดูไม่สวยงาม โดยในขบวนฟ้อนจะให้ผู้อาวุโสอยู่แถวหน้า เพื่อแสดงถึงการให้เกียรติและความเคารพนับถือ

เครื่องแต่งกายของผู้ฟ้อนเป็นเสื้อไหมย้อมมะเกลือสีดำเข้ม ผู้ชายจะนุ่งผ้านุ่งลายน้ำไหล ส่วนผู้หญิงจะนุ่งซิ่นลายหอปราสาทผึ้ง ซึ่งสะท้อนถึงที่มาของประเพณีแห่เทียนขี้ผึ้งเข้าพรรษาของอุบลราชธานี มีตุ้มขลิบอยู่ข้างหน้า ประดับด้วยสักยัน (ยอดตาลสาน) เป็นสังวาล

เครื่องดนตรีของฟ้อนกลองตุ้มมีเพียง 2 ชิ้น ได้แก่ พางฮาด ที่เป็นฆ้องขนาดเล็กที่ไม่มีปุ่มตรงกลางและกลองตุ้ม โดยกลองตุ้มจะขึงด้วยหนังสัตว์ทั้งสองด้าน มีลักษณะคล้ายกลองเพลแต่ขนาดเล็กกว่า ตามทัศนคติของชาวบ้าน เชื่อว่าเสียงของกลองตุ้มเหมือนเสียงฟ้าร้องดังตุ้ม ตุ้ม เมื่อได้ยินได้ฟังแล้วจะรู้สึกตื่นเต้น กระตือรือร้น ชวนให้อยากออกมาฟ้อนรำ

ขณะที่การเจ่ย (เซิ้งหรือขับร้อง) จะมีสำเนียงเหมือนภาษาลาว (เวียงจันทน์) เนื่องจากสมัยก่อนชาวลาวได้อพยพย้ายถิ่นเข้ามาตั้งรกรากอยู่ในพื้นที่บ้านหนองบ่อ จึงได้รับวัฒนธรรมสืบทอดกันมา โดยเนื้อหาของการเจ่ยนั้นมักจะใช้คำที่ไม่สุภาพและมีเนื้อหาเกี่ยวกับวิถีชีวิตหรือการหยอกล้อกันกับเพศตรงข้าม เพื่อความสนุกสนานหลังจากเสร็จสิ้นจากการทำนา

แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่า ใช่ว่าจะไปเจ่ยแบบสุ่มสี่สุ่มห้าได้ เพราะหากไปเจ่ยนอกพิธีการแล้วก็จะถือว่าผิดและอาจงานเข้าได้!!!

ว่าแล้วก็มีตัวอย่างบทเจ่ยที่ใช้แซวแม่ยายเกี่ยวกับลูกเขยให้ฟังหนึ่งท่อน ดังนี้ “แม่เฒ่าเอ๋ยลูกเขยมาแล้ว มาฮอดแล้วมาขอแพร่กระบอง เจ้ามีสองให้ข่อยเล่มหนึ่ง เจ้ามีหนึ่งกะหักกะบันกัน ดันสาวให้แล้วให้พรลาวแน่ ให้เสียลูกแพร่คือกะปู่ยาวมา โอ้ โฮ๊ะ โอ โฮ๊ะ โอ้ โฮ๊ะ โอ...”

และนี่ก็เป็นอีกวัฒนธรรมหนึ่งที่สะท้อนถึงชาติพันธุ์และสายสัมพันธ์ของคนชาติอาเซียน

ข่าวล่าสุด

เปิดโปรแกรมวอลเลย์บอลหญิง ซีเกมส์ 2025 รอบรองฯ ไทยดวลอินโดฯ