โซดาช้างปั้นม็อกเทล

หวังแจ้งเกิดใช้ผสมกลุ่มนันแอลกอฮอล์วางโซดาเรืองแสงดันตลาดโต15%

ไทยเบฟฯ ส่งช้างเฟลเวอร์สร้างตลาดม็อกเทล ตั้งเป้า 35 ปี โซดาผสมเครื่องดื่มนันแอลกอฮอล์โต 10-15%

นายสรกฤต ลัทธิธรรม ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโส บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มตราช้าง เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนขยายตลาดโซดาในเชิงรุก โดยมุ่งทำตลาดผ่านเครื่องดื่มม็อกเทล หรือเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ผสมกับโซดา เพื่อขยายโอกาสการดื่มรูปแบบใหม่ๆ นอกจากผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

สำหรับกลยุทธ์ตลาด บริษัทใช้โซดาช้างเฟลเวอร์หรือโซดาที่มีรสชาติสร้างตลาด ล่าสุดเปิดตัวบลูเมจิกรสชาติที่ 3 เป็นโซดาที่สามารถเรืองแสงได้ในที่มืด หลังจาก 2 ปีก่อน วางรสแอปเปิ้ลมินต์และไลม์ เลมอน การขยายตลาดโซดารูปแบบเครื่องดื่มม็อกเทล ต้องใช้เวลาให้ความรู้ ผ่านการจัดกิจกรรมต่างๆ

ขณะเดียวกัน ปีนี้จะผลักดันสินค้าเข้าไปช่องทางสถานบันเทิง ซึ่งได้เริ่มจัดกิจกรรมชงชิม ให้เกิดการทดลองดื่มและซื้อสินค้า จากที่ผ่านมาโซดาเฟลเวอร์จะขายในโมเดิร์นเทรด 50% และร้านค้าปลีกดั้งเดิม 50% โดยโซดาเฟลเวอร์เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ 18-25 ปี เพราะมีกำลังซื้อและชอบทดลองเครื่องดื่มใหม่ๆ

“การออกโซดาช้างเฟลเวอร์ เพื่อสื่อถึงการเป็นแบรนด์ช้าง มีนวัตกรรมใหม่ออกมาในตลาด ซึ่งปีนี้จะใช้งบตลาดเฉพาะกลุ่มโซดาและน้ำดื่มช้าง 200 ล้านบาท” นายสรกฤต กล่าว

ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดโซดากว่า 1 หมื่นล้านบาท โตเฉลี่ยปีละ 10% ถือว่าโตไม่สูง และตลาดเริ่มอิ่มตัว เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคยังใช้โซดาผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกือบถึง 95% และที่เหลืออีก 5% เป็นการผสมกับเครื่องดื่มอื่นๆ ดังนั้นตลาดโซดาไทยจึงโตได้อีกมาก เพราะยังไม่มีความหลากหลายเมื่อเทียบกับยุโรปหรือสิงคโปร์โซดาเฟลเวอร์มีจำนวนมาก แต่ต้องใช้เวลาสร้างพฤติกรรมการดื่มรูปแบบใหม่ๆ โดยบริษัทตั้งเป้า 3-5 ปี จะขยายพฤติกรรมนำโซดาไปผสมกับเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์เพิ่มเป็น 10-15%

นายสรกฤต กล่าวว่า รายได้กลุ่มเครื่องดื่มนันแอลกอฮอล์ของบริษัท ไทยเบฟฯ ในปีที่ผ่านมา 2.89 หมื่นล้านบาท โดยกลุ่มช้าง เป็นโซดา 30-40% น้ำดื่ม 60-70% ขณะที่โซดาช้างปัจจุบันมีส่วนแบ่งเพียง 10% ของตลาดโซดารวม ส่วนผู้นำตลาดโซดาคือสิงห์ยังครองส่วนแบ่ง 90%