posttoday

ต้องตายกี่ครั้ง

03 พฤษภาคม 2556

อีกไม่กี่วันก็จะถึง “วันความปลอดภัยแห่งชาติ” แล้ว นั่นก็คือ วันที่ 10 พ.ค. 2556 ซึ่งถือเอาวันที่โรงงานตุ๊กตาเคเดอร์ที่ จ.นครปฐม เกิดอัคคีภัยจนเป็นเหตุให้มีผู้ล้มตายเกือบ 200 คน เมื่อหลายปีก่อน มากำหนดเป็นวันความปลอดภัย

อีกไม่กี่วันก็จะถึง “วันความปลอดภัยแห่งชาติ” แล้ว นั่นก็คือ วันที่ 10 พ.ค. 2556 ซึ่งถือเอาวันที่โรงงานตุ๊กตาเคเดอร์ที่ จ.นครปฐม เกิดอัคคีภัยจนเป็นเหตุให้มีผู้ล้มตายเกือบ 200 คน เมื่อหลายปีก่อน มากำหนดเป็นวันความปลอดภัย

ข่าวเรื่อง “ตึกถล่ม” ที่บังกลาเทศ และ “สะพานขาด” ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ทำให้มีประชาชนบาดเจ็บล้มตายเมื่อไม่กี่วันมานี้ ก็เป็นอีกกรณีหนึ่งที่ทำให้ต้องพูดต้องคุยกันต่อ เพื่อจะได้ทำให้เราไม่ลืมเรื่องอุบัติเหตุอันตรายที่เกิดขึ้นกันง่ายๆ

อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้เราได้แต่อาศัยการล้มตายและความบาดเจ็บพิการจาก “อุบัติเหตุ” ของผู้คนมาใช้เป็น “ครู” หรือ “บทเรียนสอนใจ”

โดยหลักการแล้วการป้องกันอุบัติเหตุอันตรายอย่างได้ผล จำเป็นจะต้องศึกษาถึง “สาเหตุและผล” ของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ด้วยวิธีการสอบสวนอุบัติเหตุที่ถูกต้อง เพื่อจะได้รู้ว่า “เกิดจากอะไร” หรือ “ทำไมถึงเกิด” แล้วนำสาเหตุที่ได้นั้นมาคิดวิเคราะห์ใช้เป็นวิธีป้องกัน เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นซ้ำอีกในอนาคต

ผลที่ได้จากการสอบสวนและวิเคราะห์อุบัติเหตุจากเหตุการณ์ต่างๆ ในอดีต โดยเฉพาะกรณีที่ร้ายแรงจนเป็นเหตุให้มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายและทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของ “มาตรการป้องกันล่วงหน้า” เพื่อการสร้างเสริมความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ การเรียนรู้จากประสบการณ์ด้วยการตอกย้ำในคำถามที่ว่า “เราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากประสบการณ์” (What we learn from experiences?) จึงมีความสำคัญยิ่งต่อ “การเสี่ยงตาย” ในสังคมไทยทุกวันนี้

เนื่องจากอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต อาจหรือควรจะเป็นกรณีใหม่ที่เกิดจากสาเหตุใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีต

คือเราจะต้องใช้ “อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น” มาเป็นบทเรียนสอนใจ เพื่อเราจะต้องไม่ให้เหตุร้ายต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต เกิดขึ้นซ้ำรอยเหมือนเดิมอีกในอนาคต

ดังนั้น เราต้องเรียนรู้ เราต้องจดจำ และที่สำคัญที่สุดก็คือ เราต้องรู้จักเข็ดหลาบกับความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

พูดง่ายๆ ว่า “เจ็บแล้วต้องจำ” แต่สิ่งที่เป็นอยู่ในบ้านเราสำหรับกรณีการป้องกันอุบัติเหตุอันตราย และการสร้างความปลอดภัยนั้น ดูเหมือนกับเรา “เจ็บแล้วไม่จำ” เพราะเกิดแล้วเกิดอีกแบบซ้ำซาก ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุอันตรายบนท้องถนน ในโรงงาน บ้านเรือน ร้านค้า โรงแรม หรือสาธารณภัย

ที่ผ่านมาความตื่นตัวและมาตรการต่างๆ ที่ออกมาเกี่ยวกับความปลอดภัยนั้น ก็ทำกันในลักษณะคล้ายๆ กับแบบ “ไฟไหม้ฟาง” คือ มีการตื่นตัวขึ้นมาเพียงวูบเดียวแล้วจางหายไป

การสร้างแนวร่วมเพื่อปลูกสร้าง “จิตสำนึกแห่งความปลอดภัย” (Safety Mind) และความยืนหยัดต่อเนื่อง (Consistency) ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดจริงๆ ในขณะนี้

ดังนั้น นอกจากการบรรจุเรื่องความปลอดภัยเข้าไปสอดแทรกอยู่ในหลักสูตรการศึกษาระดับต่างๆ แล้ว

นอกจากนี้ เรายังจะต้องช่วยกันปรับเปลี่ยนทัศนคติ ความคิดและความเชื่อที่ไม่ (ค่อย) ถูกต้องนักให้ถูกต้องด้วย

เรื่องความปลอดภัยของสังคมไทย ผมจึงเห็นว่าสมควรแก่เวลาที่เราจะต้อง “คิดใหม่ทำใหม่” หรือ “ยกเครื่องกันใหม่” ได้แล้วครับ

ที่คิดกันว่า “ความปลอดภัยมีราคาแพง” หรือ “ต้องลงทุนมาก” จึงไม่น่าจะถูกต้อง

การป้องกันอุบัติเหตุและการสร้างเสริมความปลอดภัยอาจต้องมีการลงทุนบ้างมีค่าใช้จ่ายบ้าง (เช่นเดียวกับการแก้ปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อม) แต่เราก็สามารถใช้วิธีการที่ราคาถูก หรือปรับปรุงประสิทธิภาพมาตรการความปลอดภัยที่มีอยู่ให้ดีขึ้น โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากนักก็ได้

การฝึกอบรมสอนงานอย่างถูกวิธี ก็เป็นตัวอย่างที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เมื่อต้องสอนให้พนักงานทำงานเป็น ทำงานถูกต้อง ก็ควรสอนแนะวิธีทำงานอย่างปลอดภัยเข้าไปในคราวเดียวกันเลย

ความปลอดภัยเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของคนไทยทุกคนโดยตรง จึงไม่ควรเป็นเรื่องของ “กำไรขาดทุน” แต่อย่างใด

ถ้ามัวแต่คิดว่าต้องลงทุนหรือต้องเสียค่าใช้จ่ายแล้วไม่ทำการป้องกันอุบัติเหตุอันตรายล่วงหน้า หรือคิดกันแต่เพียงว่า “เกิดเหตุแล้วค่อยว่ากัน” หรือตั้งหน้าตั้งตาถามว่า “มีกฎหมายบังคับหรือไม่” กันแบบนี้แล้ว ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงจริงๆ

ผมขอยืนยันว่า “เรื่องความปลอดภัยแล้วถึงแพงก็ต้องทำ” ครับผม!

ข่าวล่าสุด

แข้งไทยช็อก! นำ 2 ตุง กลับพลิกแพ้ เวียดนาม 2-3 แค่รองแชมป์ซีเกมส์