CPALLซื้อแม็คโครเห็นผลดี1-3ปี
โบรกฯ มอง CPALL ซื้อแม็คโครจะส่งผลดีช่วง 1-3 ปีข้างหน้า ดอกเบี้ยกินหมด แถมซื้อแพง
โบรกฯ มอง CPALL ซื้อแม็คโครจะส่งผลดีช่วง 1-3 ปีข้างหน้า ดอกเบี้ยกินหมด แถมซื้อแพง
นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กล่าวว่า มีมุมมองเป็นบวกในระยะยาวต่อการเข้าซื้อสยามแม็คโคร (MAKRO) ของซีพี ออลล์ (CPALL) เพราะจะมีอำนาจในการต่อรองผู้จัดจำหน่ายสูงขึ้น และการใช้แบรนด์แม็คโครขยายสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน แต่ก็มีข้อสังเกตในระยะสั้น เช่น ราคาซื้อ MAKRO คิดเป็นสัดส่วนราคาต่อกำไร (พี/อี) 47 เท่า ซึ่งถือว่าแพงมาก ทำให้ต้องใช้เงินในการซื้อครั้งนี้เท่ากับ 1.8 แสนล้านบาท และดอกเบี้ยเงินกู้ในปีแรกจะกินกำไร MAKRO ไปทั้งหมด ดังนั้นการผนึกกำลังเชิงกลยุทธ์หรือกำไรของ MAKRO ที่เข้ามาปีแรกจะไม่ได้ทำให้ CPALL มีกำไรเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
“การซื้อ MAKRO นั้น ส่งผลดีต่อกลุ่มซีพีมากกว่าในด้านการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย แต่ที่ต้องให้ CPALL ซื้อเนื่องจากเป็นบริษัทลูกที่มีเงินซื้อ โดยบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) หรือกลุ่มซีพีซื้อไม่ไหว จึงดูเหมือนผู้ถือหุ้นรายย่อย CPALL เสียเปรียบจากการซื้อครั้งนี้” นายกวี กล่าว
บล.ทิสโก้ ลดมูลค่าที่เหมาะสมหุ้น CPALL ลงเป็น 47.5 บาท จากเดิม 52 บาท และแนะนำให้ “ถือ”
ทั้งนี้ แม้การซื้อ MAKRO จะทำให้ CPALL กลายเป็นธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและได้ประโยชน์ในการเจรจากับผู้ผลิต แต่การซื้อกิจการที่ 787 บาท/หุ้น สูงกว่ามูลค่าที่เหมาะสมที่ของ MAKRO ที่ให้ไว้ที่ 580 บาท เชื่อว่าประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มกับต้นทุนในการซื้อกิจการ เพราะทำให้ความสามารถในการทำกำไรที่ลดลง ขณะที่หนี้ต่อทุนพุ่งขึ้นเป็น 4.5 เท่า หากไม่เพิ่มทุนซึ่งจะทำให้ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 3,0008,000 ล้านบาท CPALL ไม่สมควรที่ซื้อขายในราคาแพงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
บล.ฟินันเซียไซรัส ระบุเช่นกันว่า การซื้อครั้งนี้ถือว่าซื้อในราคาที่สูงมาก เพราะซื้อที่ พี/อี 41 เท่า และจะยังไม่ได้เกิดประโยชน์ในช่วง 13 ปีนี้ เพราะการซื้อครั้งนี้จะยังไม่ส่งผลดีต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น เพราะจะถูกภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เกิดขึ้นจากการกู้เงินกินหมด ซึ่งคาดว่าปีนี้ดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท
“การซื้อแม็คโครครั้งนี้จะทำให้อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (อาร์โออี) ลดลงจาก 49.2% เหลือ 43.2% ขณะที่ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (อาร์โอเอ) จะลงมาเหลือ 5.1% จาก 20% เพราะกำไรขั้นต้นของ MAKRO อยู่ในระดับต่ำเพียง 78% ขณะที่ CPALL กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 2627%”
ราคาหุ้น CPALL ปิดตลาดวันที่ 24 เม.ย. ลดลง 4.5 บาท หรือลดลง 10.34% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 19,167 ล้านบาทหรือ 28% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งตลาดที่ 67,639.66 ล้านบาท
ตรงกันข้ามกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่สดใส รวมถึงหุ้น MAKRO ที่ปรับตัวขึ้น72 บาท หรือเพิ่มขึ้น 10.56% มาปิดที่154 บาท


