โรงจำนำช้ำลูกค้าเมินไถ่ถอน

โรงรับจำนำทั่วประเทศระส่ำ ลูกค้าฉวยจังหวะราคาทองลดลง ปล่อยหลุดจำนำ หันไปซื้อใหม่

ราคาทองคำปรับตัวลดลงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคาทองคำเมื่อวานนี้ ปรับตัวลดลงมาอีก 150 บาท ทองรูปพรรณขายออกอยู่ที่บาทละ 19,500 บาท รับซื้อบาทละ 18,722.60 บาท ทองคำแท่งขายออกอยู่ที่บาทละ 19,100 บาท และรับซื้ออยู่ที่ 19,000 บาท ทำให้การซื้อขายทองในย่านเยาวราชยังมีประชาชนแห่ซื้อทองอย่างคึกคัก

ขณะเดียวกัน บรรยากาศของโรงรับจำนำในต่างจังหวัดทุกภาคกลับซบเซา บางแห่งถึงกับประกาศไม่รับจำนำทอง

นายธนนพ ชนินทร์วณิช ผู้จัดการสถานธนานุบาลเชียงใหม่ 2 กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนปล่อยทองคำให้หลุดจำนำจำนวนมาก การเลิกไถ่ถอนส่งผลให้สถานธนานุบาลขาดทุนหนัก เนื่องจากในช่วงที่นำทองมาจำนำราคาทองอยู่ที่ประมาณบาทละ 20,000 บาท แต่ขณะนี้ราคาปรับลดลงเหลือบาทละ 18,000-19,000 บาทเท่านั้น

ดังนั้น ทางหน่วยงานต้นสังกัดเทศบาลนครเชียงใหม่ ได้ประกาศให้สถานธนานุบาลในสังกัดงดรับจำนำทอง และชะลอการจำหน่ายทองคำที่หลุดจำนำออกไปก่อน 2 เดือน เพื่อดูสถานการณ์ราคาที่ยังไม่รู้ว่าจะลดลงไปอีกหรือไม่ จากปกติจะมีการทยอยปล่อยทรัพย์สินที่หลุดจำนำ โดยเฉพาะทองคำทุกเดือน เพื่อนำเงินมาเป็นทุนหมุนเวียน

นายชัยชนะ ประพฤทธิพงษ์ ประธานชมรมร้านทองนครราชสีมา กล่าวว่า จากประสบการณ์ประเมินว่าน่าจะมีลูกค้าปล่อยทองขาดจำนำกว่า 50% ของจำนวนลูกค้าทั้งหมด โรงรับจำนำคงต้องแบกภาระขาดทุน ไม่สามารถควบคุมอะไรได้ นอกจากต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดเท่านั้น ซึ่งโรงรับจำนำทุกแห่งคงจะประสบปัญหาเหมือนกันหมด และลูกค้าจะนำเงินไปซื้อทองใหม่มาสวมใส่แทน

นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ ระบุว่า ศูนย์วิจัยทองคำประเมินผลกระทบของโรงรับจำนำที่ได้รับจากราคาทองคำที่ปรับตัวลดลงรุนแรงในครั้งนี้ว่าจะขาดทุนหนัก เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำที่รับจำนำมีมูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่บาทละ 23,000 บาท แต่ขณะนี้ราคาทองลดลงไปแล้วประมาณ 20% โรงรับจำนำจะต้องแบกต้นทุนสูงในเวลาประมาณ 5 เดือน

“เชื่อว่าหากราคาทองคำยังต่ำ ลูกค้าก็คงไม่ไปไถ่คืน และช่วงที่ผ่านมาการแข่งขันในธุรกิจโรงรับจำนำก็มีความรุนแรง ทำให้โรงรับจำนำบางแห่งมีการรับจำนำในอัตราที่สูงประมาณ 80-90% ของมูลค่าสินทรัพย์อีกด้วย” นายกมลธัญ กล่าว