ซีพีลุยมาเลย์700ล้าน
ผุดโรงผลิตอาหารสัตว์แห่งที่4หวังสร้างฐานส่งออกอาหารฮาลาล
ผุดโรงผลิตอาหารสัตว์แห่งที่4หวังสร้างฐานส่งออกอาหารฮาลาล
ซีพีมาเลเซียลงทุน 700 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตโรงอาหารสัตว์อีก 2 หมื่นตัน ดันฐานธุรกิจเติบโต
นายประธาน จองปั่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง (มาเลเซีย) เปิดเผยถึงแผนการลงทุนธุรกิจซีพีในมาเลเซีย ว่า ได้ใช้เงินกว่า 700 ล้านบาท ลงทุนโรงผลิตอาหารสัตว์อีก 1 แห่ง จากเดิม 3 แห่ง เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต 2 หมื่นตัน/ปี เป็น 6 หมื่นตัน/ปี
จากปัจจุบันมีโรงผลิตอาหารสัตว์อยู่แล้ว 3 แห่ง ทั้งนี้ คาดว่าโรงผลิตอาหารสัตว์จะเปิดดำเนินการได้ในช่วงปลายปี 2556 ซึ่งจะสามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจหลักของซีพีในมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจเลี้ยงสัตว์และธุรกิจอาหาร
สำหรับภาพรวมของธุรกิจซีพีในมาเลเซียมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอาหารแปรรูปฮาลาลเป็นที่ต้องการทั้งตลาดในมาเลเซียและการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ เนื่องจากอาหารฮาลาลกำลังเป็นที่ต้องการของทั่วโลก แต่ส่วนใหญ่มาตรฐานของฮาลาลที่ผลิตในบางประเทศยังไม่ได้รับการยอมรับ เมื่อเทียบกับอาหารฮาลาลที่ผลิตจากมาเลเซีย
ซีพีหวังจะใช้มาเลเซียเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกสินค้าฮาลาลในอนาคต ขณะเดียวกันตั้งเป้าหมายอีก 5 ปีข้างหน้า จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจอาหารในมาเลเซียให้ได้ 4050% จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาด 1315% อยู่อันดับที่ 2 รองจากกลุ่มเคเอฟซี
ด้านผลประกอบการในปี 2555 มีรายได้อยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท จาก 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจสัตว์บก (Livestock Business Line) มีผลิตภัณฑ์หลักในกลุ่มของไก่เนื้อ ไก่ไข่ มีรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท และ 2.ธุรกิจสัตว์น้ำ (Aquatic Business Line) โดยมีผลิตภัณฑ์หลักในกลุ่มของกุ้งและปลา รายได้ 9,000 ล้าน1 หมื่นล้านบาท
ปัจจุบันฐานธุรกิจซีพีในมาเลเซีย ประกอบด้วย 1.โรงผลิตอาหารสัตว์ 2.ธุรกิจการเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ การเพาะพันธุ์ไก่ การเลี้ยงเพื่อการค้าและการแปรรูปเนื้อไก่ และ 3.ธุรกิจอาหารฮาลาล ได้แก่ การผลิตสินค้ากึ่งปรุงสุกและปรุงสุก และการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน ประเภทเนื้อไก่และกุ้ง ซึ่งทุกขั้นตอนการผลิตจะเป็นมาตรฐานอาหารฮาลาล
“ความต้องการของอาหารฮาลาลในโลกมีอัตราสูงต่อเนื่อง โดยมาเลเซียถือเป็นตลาดที่มีอนาคต เพราะกลุ่มมุสลิมมีรายได้สูง ขณะเดียวกันมาตรฐานฮาลาลของที่นี่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ทางซีพีจึงพยายามยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานตามไปด้วย เพื่อหวังที่จะใช้มาเลเซียเป็นฐานส่งออกฮาลาล” นายประธาน กล่าวปยังตลาดประเทศอื่นๆเช่น สิงคโปร์ ตะวันออกกลาง ซึ่งปัจจุบันรายได้ของธุรกิจอาหาร 1,600 ล้านบาท มาจากการส่งออกในสัดส่วน 10%”นายประธาน กล่าว
นายประธานกล่าวว่า การลงทุนธุรกิจฮาลาลในมาเลเซีย ในช่วงแรกมีปัญหาหลักอยู่ 2 เรื่อง คือแรงงาน ไม่เพียงพอ และ ภาษา เนื่องจากคนมาเลเซียใช้ภาษามาลายู จะมีปัญหาบ้างในการประสานงาน ขณะเดียวกันเรื่องความเข้มงวดของมาตรฐานฮาลาลที่ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักศาสนา ด้านการแข่งขันกับผู้ประกอบรายอื่นนั้นยังไม่รุนแรงมากนัก ส่วนใหญ่จะแข่งขันกันที่เทคโนโลยีการผลิตและการทำตลาด ซึ่งภาพรวมถือว่าซีพีของไทยก็เริ่มได้รับการยอมรับจากกลุ่มลูกค้ามุสลิมต่อเนื่อง


