ปั้นเครืออเมารีบุกต่างแดนเชื่อศักยภาพแบรนด์ไทยต่อกรได้
ปัจจุบันโรงแรมยี่ห้อไทยแท้ ซึ่งบุกเปิดโรงแรมไปตลาดต่างประเทศ ดำเนินงานเทียบชั้นแบรนด์โรงแรมระดับโลก (อินเตอร์เชน) ที่เห็นชัดมี 2 ยี่ห้อ คือ เครือดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล กับเครือเซ็นทารา ไม่นับรวมผู้ประกอบการไทยที่ไปลงทุนสร้างโรงแรมในต่างประเทศและใช้อินเตอร์เชนบริหาร
ปัจจุบันโรงแรมยี่ห้อไทยแท้ ซึ่งบุกเปิดโรงแรมไปตลาดต่างประเทศ ดำเนินงานเทียบชั้นแบรนด์โรงแรมระดับโลก (อินเตอร์เชน) ที่เห็นชัดมี 2 ยี่ห้อ คือ เครือดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล กับเครือเซ็นทารา ไม่นับรวมผู้ประกอบการไทยที่ไปลงทุนสร้างโรงแรมในต่างประเทศและใช้อินเตอร์เชนบริหาร
แต่ล่าสุด ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป บริษัทที่บริหารแบรนด์ชั้นนำของไทยอย่าง อมารี ก็เตรียมผลักดันแบรนด์อมารี รวมถึงแบรนด์อื่นบุกตลาดต่างประเทศเช่นกัน ถือเป็นปรากฏการณ์โรงแรมยักษ์พันธุ์ไทยบุกตลาดต่างประเทศที่น่าจับตามาก
ปีเตอร์ เฮนลีย์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป บอกว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวมเพิ่ม 12% เมื่อเทียบปี 2554 รายได้ต่อห้องพักเพิ่มขึ้น 8% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานเพิ่ม 14% ส่วนไตรมาสแรกปีนี้มีสัญญาณธุรกิจดี หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คาดว่าทั้งปีจะมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่ม 510% จากปีก่อน ส่วนรายได้ต่อห้องพักน่าจะเพิ่ม 510% เช่นกัน
สำหรับแนวทางเพิ่มรายได้ คือ จะบุกตลาดต่างประเทศครั้งแรก โดยเริ่มเปิดโรงแรมในต่างประเทศเมื่อเดือน ม.ค. 2556 คือ โรงแรมอมารี โดฮา ประเทศกาตาร์ และก่อนหน้านี้ได้ซื้อกิจการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์แบรนด์ชามาจากจีน ซึ่งเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เกือบทั้งหมดอยู่ในจีน ขณะเดียวกันจะปรับปรุงโรงแรมอมารี วอเตอร์เกท ตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 2559 ใช้งบรวม 650 ล้านบาท และปรับปรุง อมารี คอรัล บีช ภูเก็ต ให้เสร็จภายในปีนี้ด้วยงบ 250 ล้านบาท เน้นให้เห็นการออกแบบแนวใหม่ ภาพลักษณ์ทันสมัยของอมารี ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ต่อห้องพัก
รวมทั้งแผนหลังจากนี้จะเปิดโรงแรมในต่างประเทศ ทั้งแบรนด์อมารีซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวครึ่ง และแบรนด์ใหม่ชื่อว่า โอโซ ระดับ 3 ดาวครึ่ง เพื่อช่วยให้ธุรกิจโรงแรมในเครือออนิกซ์แข็งแกร่งขึ้น เพราะเมื่อเปิดโรงแรมในต่างประเทศ ก็จะทำให้กลุ่มลูกค้ารู้จักแบรนด์มากขึ้น เมื่อมาไทยก็จะนึกถึงแบรนด์นี้ ในทางกลับกันเมื่อมาเที่ยวไทยเคยเข้าพักกับโรงแรมในเครือ เมื่อไปต่างประเทศและมีแบรนด์โรงแรมอยู่ ก็จะนึกถึงแบรนด์โรงแรมก่อนเช่นกัน
เบื้องต้นไตรมาส 2 นี้ จะเปิดโรงแรมโอโซ เวสลี่ ฮ่องกง ซึ่งจะเป็นโรงแรมโอโซแห่งแรก จากนั้นจะเปิด อมารี ลูเดียน่า ประเทศอินเดีย ชามา เหอต้า หังโจว ประเทศจีน และโอโซ โคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ในไตรมาส 3 นอกจากนี้อาจเปิดโรงแรมอมารีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยอีกแห่งในจังหวัดหัวเมืองรอง ส่วนปี 2557 จะเปิดโรงแรมโอโซ สมุย โอโซ แคนดี้ ศรีลังกา โอโซ กอลล์ ศรีลังกา โอโซ พัทยา อมารี เรสซิเดนซ์ ภูเก็ต และอมารี เรสซิเดนซ์ พัทยา
ไม่เพียงเท่านี้ยังอยู่ระหว่างเจรจาเข้าไปบริหารจัดการโรงแรมหลายแห่ง เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย และจีน โดยจะบริหารทั้งภายใต้แบรนด์ที่มีอยู่ และบริหารภายใต้บริษัทในเครือเดอะ โมเสก คอลเลกชั่น ซึ่งเดิมใช้ชื่อว่า เครือโอเอเอ็ม รับบริหารโรงแรมที่ต้องการมีมาตรฐานดีขึ้น แต่ไม่ต้องการใช้แบรนด์เครือออนิกซ์ หรือเป็นโรงแรมที่มีมาตรฐานไม่ถึงระดับที่จะเป็นแบรนด์ในเครือ
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมในเครือ 34 แห่ง รวม 5,824 ห้อง ตั้งเป้าหมายว่า ปี 2558 จะเพิ่มเป็น 44 แห่ง ปี 2561 เพิ่มเป็น 70 แห่ง และเป็นโรงแรมแบรนด์เอเชียที่เป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการ และมีเครือข่ายมากอันดับต้นๆ ในเอเชีย ส่วนปี 2563 จะมีโรงแรม 100 แห่ง
เฮนลีย์ กล่าวว่า จากนี้จะมุ่งรับบริหารโรงแรมเป็นหลักมากกว่าสร้างโรงแรมเอง เพราะการบริหารจัดการต้นทุนต่ำกว่า นอกจากนี้จะเน้นหนักเปิดโรงแรมในต่างประเทศมากกว่าในไทย เพื่อเพิ่มรายได้โรงแรมในต่างประเทศจาก 5% ช่วยกระจายความเสี่ยง ทำให้สัดส่วนรายได้จากโรงแรมในไทยและต่างประเทศเท่าๆ กัน จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในต่างประเทศแค่ 5% เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงด้านรายได้
ปัจจัยที่ทำให้มั่นใจว่าแบรนด์อมารีจะติดตลาดต่างประเทศมาจาก นักท่องเที่ยวชอบเรื่องราวแบรนด์ระดับท้องถิ่น 5 ปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีน อินเดีย และตะวันออกกลาง ชอบแบรนด์โรงแรมไทยมาก เพราะมองว่าให้สิ่งที่ดีกว่าแบรนด์อื่น ทั้งบริการที่ดี อาหารอร่อย และสปาที่ดี นอกจากนี้ยังมีภาพลักษณ์เป็นโรงแรมที่ มีความยืดหยุ่น เข้าถึงได้ง่ายกว่าการไปพักอินเตอร์เชน
สำหรับทิศทางเปิดโรงแรมต่างประเทศจะเน้นเอเชียและตะวันออกกลาง โดยประเทศที่น่าสนใจที่สุด คือ ศรีลังกา เพราะอนาคตจะเป็นประเทศคู่แข่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย เนื่องจากมีทรัพยากรท่องเที่ยวคล้ายกัน แต่มีความสดใหม่ ที่ผ่านมาตลาดยุโรปตอนเหนือเคยชอบเที่ยวศรีลังกามาก แต่เงียบหายไปหลังมีสงคราม ปัจจุบันสงครามสงบ ศรีลังกาน่าจะกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง
ชนินทธ์ โทณวณิก กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือโรงแรมดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า จะเน้นรับบริหารโรงแรมในต่างประเทศมากขึ้น โดยปีนี้ถึงเดือน ก.พ. 2557 เครือดุสิตจะเปิดโรงแรมในต่างประเทศ 7 แห่ง ซึ่งจะส่งผลให้เครือดุสิตมีโรงแรมมากกว่า 30 แห่ง อยู่ทั้งในและต่างประเทศอย่างละครึ่ง ส่วนโรงแรมในประเทศอยู่ระหว่างหาซื้อกิจการจากโรงแรมที่มีอยู่แล้ว เพราะหาทำเลดีสร้างโรงแรมใหม่ยาก


