แชร์วงใหญ่
ชื่อหัวข้อวันนี้ผมกำลังจะบอกว่า เราสามารถเข้าใจระบบการเงินคร่าวๆ ผ่านการเล่นแชร์ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะชวนมาตั้งแชร์วงใหญ่นะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมมาชวนทำผิดกฎหมาย หรือสนับสนุนให้ทำผิดกฎหมาย จริงๆ แล้วการเล่นแชร์ไม่ได้เป็นการทำผิดกฎหมาย ตราบใดที่ยังทำอยู่ภายใต้ข้อกำหนด พ.ร.บ.การเล่นแชร์ พ.ศ. 2543
ชื่อหัวข้อวันนี้ผมกำลังจะบอกว่า เราสามารถเข้าใจระบบการเงินคร่าวๆ ผ่านการเล่นแชร์ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะชวนมาตั้งแชร์วงใหญ่นะครับ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมมาชวนทำผิดกฎหมาย หรือสนับสนุนให้ทำผิดกฎหมาย จริงๆ แล้วการเล่นแชร์ไม่ได้เป็นการทำผิดกฎหมาย ตราบใดที่ยังทำอยู่ภายใต้ข้อกำหนด พ.ร.บ.การเล่นแชร์ พ.ศ. 2543
“การเล่นแชร์” หมายความว่า การที่บุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปตกลงกันเป็นสมาชิกวงแชร์ โดยแต่ละคนมีภาระที่จะส่งเงินหรือทรัพย์สินอื่นใด รวมเข้าเป็นทุนกองกลางเป็นงวดๆ เพื่อให้สมาชิกวงแชร์หมุนเวียนกันรับทุนกองกลางแต่ละงวดนั้นไปโดยการประมูลหรือโดยวิธีอื่นใด และให้หมายความรวมถึงการรวมทุนในลักษณะอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงด้วย ส่วนข้อห้ามที่มิให้บุคคลธรรมดาเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์กระทำนั้นหาอ่านได้ใน พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวนะครับ
การเล่นแชร์นั้นเริ่มต้นจากการที่เจ้ามือ หรือที่เรียกว่า เท้าแชร์ มีความต้องการจะใช้เงินก้อนใหญ่ (สมมติ 1 แสนบาท) ก็จะชักชวนคนรู้จักกันทั้งญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงรอบกาย สมมติรวมกัน 10 คน ตั้งวงแชร์ขึ้นมาโดยลงเงินคนละ 1 หมื่นบาท หลังจากนั้นทุกๆ สิ้นเดือน ลูกแชร์ที่เหลือก็จะผลัดกันประมูลเพื่อจะได้เงินก้อนใหญ่ 1 แสนบาทไปใช้ (หรือที่เรียกกันว่า เปียแชร์) ใครเสนอให้ดอกเบี้ยสูงสุดก็จะชนะและได้เงินก้อน 1 แสนบาทนั้นไป เช่น มีคนเปียมา 4 ราย โดยให้ดอกเบี้ย 100, 150, 200 และ 250 คนที่ให้ดอกเบี้ย 250 ก็จะได้เงินจากทุกคน คนละ 1 หมื่นบาท รวม 10 คน เท่ากับ 1 แสนบาทไป
แต่มีข้อแม้ว่า ในเดือนต่อๆ ไป แทนที่ลูกแชร์คนนั้นจะจ่ายเงินเดือนละ 1 หมื่นบาท เท่ากับคนอื่นที่ยังไม่ได้เปีย ก็ต้องจ่ายเดือนละ 10,250 บาท แทนทุกงวดตามสัญญา เงิน 250 บาทต่อเดือน ถือเป็นค่าตอบแทนหรือดอกเบี้ย โดยจ่ายจำนวนนี้ไปจนครบ 10 งวด ถ้าเป็นการกินแชร์แบบที่เลี้ยงโต๊ะจีนด้วย คนที่เปียได้ในงวดนั้นยังต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก คือ ต้องเลี้ยงโต๊ะจีนมื้อนั้นด้วย
สมัยผมเด็กๆ คุณพ่อผมเป็นเท้าแชร์ประจำ แต่วงนี้เท้าแชร์เลี้ยงโต๊ะจีนเองทุกงวด จำได้ว่าคุณพ่อจะโทรหาลูกแชร์ว่า ใครไปไม่ได้บ้าง ถ้าที่นั่งเหลือก็จะชวนลูกๆ ไปกินโต๊ะจีน เพราะไหนๆ ก็ต้องจ่ายเงินอยู่แล้ว เราเลยพลอยได้เห็นวิธีการเปียแชร์มาตั้งแต่เด็กๆ และเป็นช่วงเวลาที่ผมรอทุกๆ เดือน เพราะจะได้ไปกินโต๊ะจีนอาหารอร่อยๆ
คนที่เปียได้ในเดือนถัดๆ ไป ก็จะยิ่งได้เงินสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นจากคนที่เปียไปในงวดก่อน ที่ต้องจ่ายเพิ่มทุกเดือน เมื่อถึงงวดสุดท้าย คนสุดท้ายที่ยังไม่ได้เปียเลย ก็ไม่มีคู่แข่ง ก็เสมือนเปียได้ที่ราคา 0 บาท คือ ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยให้ใครเลย แถมยังได้ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนจากคนที่เปียไปก่อนหน้าในวงตลอด 10 งวด คนที่เปียคนสุดท้ายจึงจะได้ผลตอบแทนมากที่สุด
อีกคนที่ได้ประโยชน์ คือ เท้าแชร์นั้นเอง เพราะเท้าแชร์จะได้เงินก้อนไปใช้คนแรกโดยที่ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเลย แต่เท้าแชร์ต้องเป็นธุระตามเก็บเงินให้กับทุกคนและทุกงวด ฟังดูเหมือนดีจังไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยดีกว่ากู้ธนาคารอีก จริงๆ แล้วแม้ว่าไม่ได้จ่ายดอกเบี้ย แต่ก็ต้องจ่ายเป็นความเสี่ยงแทน
เพราะถ้าลูกแชร์คนไหนที่เปียไปแล้วหนีไป ไม่ยอมจ่ายงวดที่เหลือพร้อมดอกเบี้ย เท้าแชร์ก็ต้องรับผิดชอบจ่ายแทนให้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ดังนั้นการที่เท้าแชร์ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยนั้น ต้องแลกกับต้นทุนในการบริหารจัดการและต้องเป็นคนแบกภาระความเสี่ยงที่เรียกว่า Default Risk ของลูกแชร์ทุกคนเอาไว้ทั้งหมด
ดังนั้น เท้าแชร์จึงต้องเป็นคนที่น่าเชื่อถือมากๆ เพราะถ้าเท้าแชร์หนีไปซะเอง ลูกแชร์ทุกคนก็ไม่มีหลักประกันอะไรเลย
การเล่นแชร์ คือ การกู้เงินระยะสั้นในหมู่คนรู้จักกันนั้นเอง เป็นเสมือนแหล่งเงินทุนของคนที่ยังเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงิน โดยคนแรกๆ ที่เปียไปก็คล้ายๆ กับเป็นผู้กู้ ส่วนคนหลังๆ ที่อาจจะไม่ได้อยากเปีย แต่เหมือนมาเล่นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนของเงินที่สูงกว่าการฝากธนาคาร ก็เสมือนเป็นผู้ปล่อยกู้นั้นเอง โดยมีเท้าแชร์เป็นตัวกลางที่คนทั้งสองฝ่าย ทั้งคนที่อยากได้เงินและคนที่อยากจะมาออมเงิน ซึ่งก็คือลูกแชร์ทุกคนให้ความเชื่อถือ
แต่หากเป็นการเล่นแชร์กับคนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นวงแชร์ที่ใหญ่มากๆ จนลูกแชร์แทบจะไม่รู้จักกันเลย แบบนี้ก็จะเสี่ยงสูงมาก แต่ถ้าจะเล่นก็ต้องตรวจสอบเครดิตของเท้าแชร์ให้ดีๆ ก่อน ว่าจะหนีหรือไม่ เพราะถ้าเท้าแชร์หนีก็จบกัน คงคล้ายๆ กับสถาบันการเงินซึ่งก็จะมีผู้มาขอกู้
ถ้าเราอยากไปออมหรือไปเพิ่มความมั่งคั่งของเรากับสถาบันการเงินใด ก็คงต้องดูดีๆ หน่อย สถาบันการเงิน (เท้าแชร์) เลือกลูกแชร์คนที่ชอบมาเปียแรกๆ (มาขอกู้) เป็นยังไง ขั้นตอนการคัดเลือกลูกแชร์ดีพอไหม หน้าตาลูกแชร์ส่วนใหญ่พอคบค้าสมาคมได้ไหม
และท้ายสุดก็ต้องดูตัวเท้าแชร์ (สถาบันการเงิน) เองว่า น่าเชื่อถือขนาดไหน มีเงินหนาไหม ถ้าลูกแชร์หนีไป (หนี้เสีย) เท้าแชร์ยังรองรับได้ไหม หรือเท้าแชร์มีต้นทุนการชิ่งหนีมากน้อยแค่ไหน
เพราะถ้าเป็นสถาบันการเงินใหญ่ๆ ของไทยที่มีมานาน ต้นทุนทางสังคมในการชิ่งหนีก็คงแตกต่างกับสถาบันการเงินต่างชาติเล็กๆ ที่เพิ่งเข้ามาเปิด ถ้าใครจะเลือกเข้าแชร์วงใหญ่วงไหนก็เลือกกันดีๆ นะครับ เพราะเห็นรูปแบบเศรษฐกิจและตัวบ่งชี้ต่างๆ ในปัจจุบันแล้ว ดูมันคล้ายๆ ปี 2537-2538 ช่วงที่ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ในปี 2540 อย่างที่ทุกคนไม่มีวันลืมกันเลย ก็ขอให้เลือกเข้าวงให้ถูกกันนะครับ
อย่างน้อยก็เลือกเท้าแชร์ที่น่าเชื่อถือหน่อย และคิดว่าคงไม่หนีไปไหนแน่ๆ จะได้ไม่เจ็บตัวกัน


