MFCตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

เอ็มเอฟซี ตั้งเป้าปีนี้ขึ้นแท่นผู้นำกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ดันยอดเอยูเอ็มทะลุเป้า 3.1 แสนล้านบาท ยอมรับส่วนแบ่งตลาดกองทุนรวมหล่น

นางประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดในอุตสาหกรรมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง จากปัจจุบันที่อยู่ในอันดับสอง มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (เอ็นเอวี) รวมประมาณ 1.1 แสนล้านบาท

“ในช่วงปลายปีนี้ จะมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพขององค์กรขนาดใหญ่ประมาณ 3-4 ราย มูลค่าประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ที่จะครบสัญญา เช่น องค์การโทรศัพท์ การสื่อสารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ บลจ.เอ็มเอฟซี เข้าไปเสนอตัวเพื่อเข้าร่วมบริหาร” นางประภา กล่าว

ทั้งนี้ นางประภา กล่าวในปี 2556 บลจ.เอ็มเอฟซี ตั้งเป้าหมายเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) เป็น 3.1 แสนล้านบาท หรือ จาก 3.03 แสนล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2555 แต่ ณ สิ้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา เอยูเอ็มเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 3.22 แสนล้านบาท เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว

“หลังจากที่เข้าไปบริหารร่วมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของการบินไทย จำนวน 1 หมื่นล้านบาท ก็ทำให้เอยูเอ็มเกินเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ เพราะฉะนั้นเร็วๆ นี้อาจจะมีการปรับเป้าหมายอีกครั้งหนึ่ง” นางประภา กล่าว

นอกจากนี้ ในปีนี้ บลจ.เอ็มเอฟซี จะเพิ่มทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 1 กองทุน และออกเพิ่มอีก 1 กองทุน รวมทั้งออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 1 กองทุน ซึ่งลงทุนในโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก มูลค่ารวมประมาณ 5,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม สำหรับอุตสาหกรรมกองทุนรวม ซึ่งส่วนแบ่งการตลาดตกลงมาอยู่ในอันดับ 6 จากที่เคยอยู่ในอันดับ 4 นั้น นางประภา กล่าวว่า เอ็นเอวีของกองทุนรวมยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ยังมีแผนที่จะออกกองทุน 25 กองทุน มูลค่ารวม 1.7 หมื่นล้านบาท

“ส่วนแบ่งการตลาดที่ลดลงเป็นเพราะกองทุนตลาดเงินที่ไม่มีสาขาธนาคารเป็นช่องทางขาย แต่เราไม่ได้หนักใจเรื่องส่วนแบ่งการตลาดที่ลดลง เพราะให้ความสำคัญกับเรื่องรายได้และกำไรสุทธิมากกว่า ซึ่งปี 2555 มีรายได้ 828 ล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 888 ล้านบาท ในปีนี้ หรือ เพิ่ม 7.3%” นางประภากล่าว

นางประภา กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ ของ บลจ.เอ็มเอฟซี ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยสามารถทำผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ถึง 10 กองทุน และใน 2 เดือนแรกของปีนี้ทำได้ตามเป้าหมายแล้ว 5 กองทุน

“ปีนี้เราเน้นการสร้างผลตอบแทนของกองทุนเป็นสำคัญ และจะบริหารจัดการกองทุนในเชิงรุกมากขึ้น โดยเพิ่มเครื่องมือในการลงทุนใหม่เข้ามา รวมทั้งการหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเพื่อรองรับการออกกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่ออกไปลงทุนหุ้นในภูมิภาคตามกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากประเมินว่า ในช่วงครึ่งปีหลังตลาดหุ้นไทยอาจจะมีการปรับฐานลงมาบ้าง” นางประภา กล่าว