อัสดงสิงคโปร์ ดรีม?
คนแต่ละชนชาติ แต่ละรุ่นต่างมีความคิดฝันแตกต่างกัน สำหรับชาวสิงคโปร์ทั่วไปนั้น มี “สิงคโปร์ ดรีม” 5C ได้แก่ เงิน (Cash) รถยนต์ (Car) บัตรเครดิต (Credit Card) คอนโดมิเนียม (Condominium) และสมาชิกสโมสร (Country Club Membership) เป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จในชีวิต
คนแต่ละชนชาติ แต่ละรุ่นต่างมีความคิดฝันแตกต่างกัน สำหรับชาวสิงคโปร์ทั่วไปนั้น มี “สิงคโปร์ ดรีม” 5C ได้แก่ เงิน (Cash) รถยนต์ (Car) บัตรเครดิต (Credit Card) คอนโดมิเนียม (Condominium) และสมาชิกสโมสร (Country Club Membership) เป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จในชีวิต
แต่ทุกวันนี้ ชาวสิงคโปร์รุ่นใหม่กำลังหันหลังให้กับเป้าหมายความสำเร็จแบบเก่าๆ หันมาเลือกงานที่ทำแล้วสนุกและมีความสุขมากกว่า แม้ว่าจะมีรายได้น้อยกว่างานตามแนวสิงคโปร์ ดรีม มากก็ตาม
ดูตัวอย่างได้จาก “อองฮุยเจวียน” สาวสิงคโปร์วัย 25 ปี ที่ทำงานในแวดวงธนาคารมาเกือบ 4 ปีตั้งแต่เรียนจบ แต่เมื่อปีที่ผ่านมากลับตัดสินใจทิ้งความมั่นคงเพื่อทำตามความปรารถนาลึกๆ ในใจที่อยากทำงานกับเด็กๆ การตัดสินใจแบบนี้อาจเป็นเรื่องไม่ปกติ และน่าแปลกใจมากๆ สำหรับประเทศที่คนส่วนใหญ่อยู่ในกรอบ 5C
แต่อองไม่ได้เดียวดาย เพราะตอนนี้มีคนหนุ่มสาวชาวสิงคโปร์จำนวนมากขึ้นที่กำลังขบถต่อความเชื่อดั้งเดิมเหล่านั้น ส่วนตัวเธอเองไม่ชอบงานประจำแบบเข้างาน 9 โมงเช้า เลิก 5 โมงเย็น นั่งรอโบนัสปลายปี หรือการเลื่อนตำแหน่งปีแล้วปีเล่า อองบอกว่าไม่ได้อยากรวยมาก ขอแค่พอมีพอกินเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ก็พอ และเธอก็อยากจัดสรรเวลาเองได้เหมือนงานที่ทำอยู่ตอนนี้
แม้ว่าคนสิงคโปร์รุ่นใหม่อยากใช้ชีวิตแบบช้าๆ ไม่ต้องรีบเร่งทำงานแข่งกับเวลาเพื่อไต่บันไดแห่งความสำเร็จ แต่รัฐบาลสิงคโปร์กลับไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะมองว่าคนคือทรัพยากรสำคัญที่สุดของประเทศ ที่ช่วยพลิกโฉมเมืองท่าปราศจากทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิงคโปร์ให้กลายเป็นศูนย์กลางการเงินสำคัญของโลกในปัจจุบัน
และเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลสิงคโปร์ก็เพิ่งออกสมุดปกขาวเรียกร้องการเพิ่มผลิตผลของแรงงาน และทำให้จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นสูงสุด 30% ภายในปี 2573
ชุงไวเคียง อาจารย์ด้านสังคมวิทยาจากสิงคโปร์ แมนเนจเมนต์ ยูนิเวอร์ซิตี้ มองว่า สิงคโปร์เป็นสังคมวัตถุนิยมมากขึ้น รัฐบาลมักให้ความสำคัญกับการเติบโตของเศรษฐกิจและความสำเร็จด้านวัตถุเป็นอันดับแรก แต่เมื่อพื้นฐานสังคมสิงคโปร์มีความมั่นคงปลอดภัยมากขึ้น คนรุ่นใหม่สามารถตัดสินใจแตกต่างจากแนวคิดกระแสหลักได้มากขึ้นเช่นกัน
ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจที่เห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถาบันการเงินปลดพนักงานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งแอนเดรีย โรส กรรมการผู้จัดการของบริษัทที่ปรึกษาด้านจัดหางาน โรเบิร์ต วอลเตอร์ส มองว่า หนุ่มสาวชาวสิงคโปร์มีความเชื่อมั่นมากขึ้นที่จะทำงานในธุรกิจที่ตอบโจทย์ความปรารถนาอันแรงกล้าของตัวเอง
ดูได้จากโรงเรียนศิลปะแห่งสิงคโปร์ ที่เปิดสอนมาตั้งแต่ปี 2551 และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีคนสนใจสมัครเข้าเรียนประมาณปีละ 1,000 คน แต่รับจริงได้เพียง 200 คนเท่านั้น
แมรี่แอนด์ ลู ศิลปินสาววัย 20 ปลายๆ บอกว่า คนรุ่นใหม่อาจมีอิสระที่จะทำตามความชอบความสนใจของตัวเอง เพราะถูกเลี้ยงดูมาในสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายมากกว่าคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ คนรุ่นก่อนมีเป้าหมายในชีวิตคือการอยู่รอด แต่เธอเชื่อว่าตอนนี้ชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่ได้ผ่านห้วงเวลาแห่งการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของประเทศมาแล้ว ทำให้พวกเขาสามารถเดินหน้าค้นหาสิ่งอื่นต่อไป
นักสังคมวิทยาเชื่อว่า วันหนึ่งเมื่อคนรุ่นใหม่จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ สามารถเลือกเส้นทางชีวิตที่แตกต่างจากเดิม และพึงพอใจกับการตัดสินใจของตัวเอง ก็อาจถึงจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทางเลือกแบบนอกกรอบกลายเป็นสิ่งถูกต้องที่ควรทำก็เป็นได้


