เปิดแอพดูแลนักท่องเที่ยว
ตำรวจป้องอาชญากรรมผ่านสมาร์ตโฟนหวังกระตุ้นรายได้ทัวร์แตะ2ล้านล้าน
ตำรวจป้องอาชญากรรมผ่านสมาร์ตโฟนหวังกระตุ้นรายได้ทัวร์แตะ2ล้านล้าน
ตำรวจท่องเที่ยวรุกแผนป้องอาชญากรรม เปิดตัวแอพพลิเคชันรักษาความปลอดภัยผ่านสมาร์ตโฟน
พล.ต.ต.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ตำรวจท่องเที่ยวได้ปรับแผนกลยุทธ์การดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวในเชิงรุก ให้สอดคล้องนโยบายภาครัฐที่ต้องการสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวปี 2558 จำนวน 2 ล้านล้านบาท โดยได้เปิดตัวแอพพลิเคชัน ทัวริสต์ บัดดี้ ให้บริการข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว กิจกรรมทางการท่องเที่ยว รวมถึงร้องเรียนเรื่องราวร้องทุกข์ ผ่านแอพพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว รองรับการเติบโตทางการท่องเที่ยวและการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)ปี 2558
ทั้งนี้ การจัดทำแอพพลิเคชันดังกล่าวได้แบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกจะเน้นการให้ข้อมูลข่าวใน 10 เรื่องหลัก เช่น สถานที่ที่ตั้งสถานีตำรวจท่องเที่ยวทั้ง 34 แห่งทั่วประเทศไทย แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินต่างๆ และสายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนจากหน้าแอพพลิเคชัน โดยกดปุ่ม Need Help Call 1155 บอกพิกัดที่ตั้งของตนเองกับตำรวจท่องเที่ยว กรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ซึ่งขั้นตอนการสมัครใช้แอพฯ ทัวริสต์บัดดี้ นักท่องเที่ยวต้องระบุชื่อ นามสกุล รวมถึงหมายเลขหนังสือเดินทาง และข้อมูลส่วนตัว เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลที่สำคัญให้กับตำรวจท่องเที่ยว
“ทัวริสต์ บัดดี้ แอพ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ โดยกลุ่มคนไทยสามารถอัพเดตความเคลื่อนไหวของสังคม การเตือนภัยให้กับชาวต่างชาติ ถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว” พล.ต.ต.รอย กล่าว
สำหรับเฟส 2 เตรียมต่อยอดข้อมูลภายในแอพฯ โดยเพิ่มรายชื่อและผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถป้องกันตัวเองในเบื้องต้น หรือเป็นส่วนหนึ่งในการชี้เบาะแสผู้กระทำความผิดให้ได้รับการลงโทษตามกฎหมาย
พล.ต.ต.รอย กล่าวว่า ในช่วงแรกของการนำเสนอแอพฯ ได้ดำเนินการจัดทำให้เป็น 2 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยอนาคตเตรียมต่อยอดภาษาจีนและรัสเซีย เพื่อรองรับการเดินทางที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งคาดว่าจะมีผลตอบรับที่ดีและมีนักท่องเที่ยวโหลดใช้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากสถิติพบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย กว่า 90% นิยมใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ สมาร์ตโฟน และอินเทอร์เน็ต กว่า 90% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ด้านแผนกลยุทธ์การพัฒนาบุคลากร ได้เปิดโครงการฝึกอบรมภาษาอังกฤษให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงต่อยอดไปยังภาษาที่ 3 ที่มีความสำคัญและมีแนวโน้มเป็นตลาดท่องเที่ยวที่มีอัตราการเติบโตสูง อย่างเช่น จีน และรัสเซีย ขณะที่ตำรวจท่องเที่ยวได้ว่าจ้างล่ามแปลภาษาอื่นๆ รองรับนักท่องเที่ยวไว้มากกว่า 7 ภาษา
นอกจากนี้ ได้เตรียมทำหนังสือถึงกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขอเพิ่มกำลังอัตราเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว 700800 นาย เพื่อรองรับการเติบโตทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยในอนาคต
พล.ต.ต.รอย กล่าวว่า สำหรับแผนการปราบปรามทุจริต ปัญหาการหลอกลวงนักท่องเที่ยว ได้ปรับแผนกลยุทธ์ในเชิงรุก โดยมอบหมายให้ตำรวจท่องเที่ยวในแต่ละพื้นที่ส่งกำลังลงพื้นที่ โดยใช้ชีวิตร่วมกับคนในชุมชน รวมถึงการปลุกจิตสำนึกให้คนในชุมชนร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดี คอยดูแลและให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยว โดยตั้งเป้าการป้องกันปัญหาอาชญากรรมที่เกิดกับนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ถึง 1% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในแต่ละปี
อย่างไรก็ตาม ตำรวจท่องเที่ยวอยู่ระหว่างการจัดทำแผนกลยุทธ์การดำเนินงาน เพื่อรองรับการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวรองรับการเปิดเออีซี โดยจะทำงานร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกันแบบบูรณาการ
ด้านนายอานุภาพ เกษรสุวรรณ์ รักษาการอธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้นำการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยทั้ง 29 แห่ง มานำเสนอเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ โดยให้ข้อมูลทางการท่องเที่ยวผ่าน ทัวริสต์ บัดดี้ แอพ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง
นอกจากนี้ กระทรวงได้เตรียมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ การพัฒนาบุคลากรทางการท่องเที่ยว อาทิ การพัฒนามัคคุเทศก์ (ไกด์) โดยเร่งรวบรวมข้อมูลภาษาที่ขาดแคลนมัคคุเทศก์ เพื่อประเมินความจำเป็นและเตรียมแผนฝึกอบรมไกด์อย่างเร่งด่วน


