สัมผัส"เคไลเนอร์520d F10"
ลองขับบีเอ็มดับบลิว 520d F10 ตัวแต่งจากสำนักเคไลเนอร์ที่จัดเต็มในทุกมิติ
โดย...นิธิ ท้วมประถม
ต้องยอมรับกันแล้วว่า กลยุทธ์การตลาดของบีเอ็มดับเบิลยู รถยนต์หรูจากแดนอินทรีเหล็ก ที่ในปีที่แล้วหันมารุกตลาดเครื่องยนต์ดีเซลอย่าง จริงจัง ทำให้ตลาดรถยนต์เมืองไทยได้ “หูตาสว่าง” ในเรื่องของเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซลกันเสียทีว่า ในโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้ยังมีเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีๆ ที่ทันสมัย อย่างเทคโนโลยีดีเซลของบรรดาค่ายรถยนต์ยุโรป ที่เขาพัฒนากันไปไกลกว่าเทคโนโลยีดีเซลของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่ใช้ในรถกระบะ ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
ทำให้ในปีที่ผ่านมา บีเอ็มฯ สามารถสร้างยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ และเครื่องยนต์ดีเซลคือหนึ่งในเครื่องยนต์หลักของบีเอ็มฯ ไปเรียบร้อยแล้ว และที่สำคัญบีเอ็มฯ กลายเป็นผู้นำรถยนต์นั่งเครื่องยนต์ดีเซลไปเรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด ทางกลุ่มเบนซ์รามคำแหง หรือที่รู้จักกันในนาม “บีอาร์จี กรุ๊ป” ซึ่งมีคุณสมศักดิ์ ศรีรัตนประภาส ประธานกรรมการบริหาร นั่งหัวโต๊ะบริหารอยู่ ก็ตัดสินใจกระโดดเข้าไปเป็นผู้แทนจำหน่ายชุดแต่งรถยนต์บีเอ็มฯ KELINERS (เคไลเนอร์) จากประเทศเยอรมนีอย่างเป็นทางการ คู่ไปกับการเป็นตัวแทนจำหน่าย ชุดแต่ง CARLSSON (คาร์ลสัน) ของรถยนต์เมอร์เซเดส เบนซ์ เพื่อเจาะตลาดลูกค้าที่นิยมชมชอบรถยนต์ระดับหรู แต่ต้องการความแรงที่มากขึ้น ชุดตกแต่งรอบคันที่ไม่เหมือนใคร และหาใครมาเหมือนได้ยาก
และในครั้งนี้ ผมมีโอกาสได้ลองขับ บีเอ็มฯ 520d แต่ไม่ใช่ 520d ธรรมดานะครับ แต่เป็น 520d ที่ถูกแต่งองค์ทรงเครื่องมาจากเคไลเนอร์เรียบร้อย ทำให้ 520d กลายร่างเป็นรถสปอร์ตคันย่อมๆ ที่ใช้ชื่อว่า “เคไลเนอร์ 520d F10”
จะว่าไปแล้วเคไลเนอร์ก็คือชุดแต่งรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูนั่นแหละครับ โดยแต่งกันตั้งแต่ภายในยันภายนอก รวมถึงแต่งกล่องอีซียูกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นการแต่งแบบครบวงจรเลยครับ
ซึ่งสนนราคาค่าแต่ง ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนชิ้นของอุปกรณ์แต่งครับ ถ้าแต่งกันเต็มแมกซ์อย่างที่ผมบอก จากเครื่องยนต์มาถึงภายในแล้วไปต่อที่ภายนอกอีก ก็ต้องควักเงินเพิ่มประมาณ 6 แสนบาท ก็แค่ยางกับล้อแม็กขนาด 20 นิ้ว ก็ฟาดไป 1.77 แสนบาทแล้วววว
ทางบีอาร์จี กรุ๊ป นั้นเป็นตัวแทนจำหน่ายชุดแต่งเคไลเนอร์อย่างเป็นทางการ ก็เลยนำเข้า บีเอ็มฯ ซีรี่ส์ 5 ในรุ่น 520d มาจัดเต็มกับชุดแต่งเคไลเนอร์ สปอร์ต คือเปลี่ยนกล่องใหม่ เพื่อให้แรงม้าเพิ่มขึ้นจาก 184 แรงม้า มาเป็น 218 แรงม้า แรงบิดจาก 380 นิวตันเมตร/นาที ก็เพิ่มเป็น 435 นิวตันเมตร/นาที
ที่สำคัญกล่องอีซียู ที่ว่าเป็นกล่องที่ติดเสริมเข้าไปกับกล่องอีซียูเดิมของรถ โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนดัดแปลง เครื่องยนต์ครับ และค่าพื้นฐานจากโรงงานยังคงเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นรอบเดินเบา รอบสูงสุดที่เครื่องยนต์ทำงานได้
ส่วนชุดแต่งรอบคันมีทั้งหมด 7 ชิ้น ไล่ตั้งแต่สปอยเลอร์หน้า-หลัง-ข้าง ท่อไอเสีย 4 ท่อ ดูแล้วงามๆ ทั้งนั้นครับ แถมด้วยปรับสปริงลงอีก 3 ซม.ด้วย
ขณะที่ภายใน แค่เปิดประตูเข้าไปก็ต้องชะงักกับความสวยของเบาะนั่งแล้ว เพราะเป็นเบาะหนังแท้ลายไดมอนด์ ซึ่งเป็นลายเดียวกับชุดแต่งคาร์ลสัน ของเมอร์เซเดส เบนซ์ และยังมี แป้นเบรก แป้นคันเร่ง สเตนเลส ปะยี่ห้อเคไลเนอร์ไว้ชัดเจน และยังมีพรมปูพื้นทั้งเซตอีก
แต่ที่ผมชอบที่สุดคือ แผงหน้าปัดที่มาตรวัดแบบดิจิตอลนั้นสามารถปรับเปลี่ยน สี และสไตล์ได้เมื่อปรับโหมดการขับขี่ ถ้าใช้โหมด Economy จอก็จะเป็นสีฟ้า แต่ถ้าเป็นโหมด Sport ก็จะเป็นสีแดง แถมเข็มบอกความเร็วและรอบเครื่องยนต์
เคไลเนอร์ 520d F10 นั้น เป็นบีเอ็มฯ ซีรี่ส์ 5 รุ่นนำเข้าครับ ไม่ใช่รุ่นที่ทางบีเอ็มฯ ประเทศไทยจำหน่ายอยู่ ทำให้ออปชันบางออปชันของเคไลเนอร์ 520d F10 นั้นเหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นเบาะอุ่น 3 ระดับ เครื่องเสียงพร้อมฮาร์ดดิสก์ 12 กิกะไบต์ เครื่องเสียง Digital amp 250 วัตต์ ลำโพง 12 ตัว หลังคาซันรูฟเปิดด้วยระบบไฟฟ้าครับ
สตาร์ตเครื่องกันเลยดีกว่า โหมดการขับขี่ในช่วงแรกผมยังใช้โหมดประหยัดหรือ Eco อยู่ครับ เพราะรถติดเหลือเกินขับแบบประหยัดๆ ดีกว่าทั้งๆ ที่เครื่องดีเซลตัวนี้ก็ประหยัดในระดับ 16 กม./ลิตร อยู่แล้ว
แต่เมื่อปรับโหมดเข้าสู่โหมดสปอร์ต บอกได้เลยครับว่าสนุกขึ้นมาเป็นกองทีเดียว อัตราเร่งในช่วงความเร็วต่ำมาแบบที่เรียกว่าหลังติดเบาะ ทั้งๆ ที่ความเร็วอยู่ในระดับแค่ไม่ถึง 60 กม./ชม.แต่เวลาเหยียบคันเร่งหนักๆ ละก็ซู้ดสส์ ปากกันเลยล่ะ
ความเร็วที่ลองไล่ขึ้นไปนั้นถึงระดับ 200 กม./ชม.แน่นอน แต่ด้วยข้อจำกัดในเส้นทางการขับ และการจราจรที่ค่อนข้างจะหนาแน่นบนเส้นทางทำให้ความเร็วที่ใช้อยู่ในระดับประมาณ 160-180 กม./ชม.เท่านั้น อ้อ...แน่นอนครับว่า โหมดที่ใช้เป็นโหมดสปอร์ตครับ
โหมดการขับแบบนี้ ดูกระโชกโฮกฮากมากกว่าโหมด Eco มากทีเดียว และยิ่งเป็นรุ่นแต่งของเคไลเนอร์ สปอร์ต แล้วบอกได้เลยครับว่าสะใจทีเดียว และถ้าใจถึงจะปรับโหมดการขับเป็น สปอร์ต พลัส ก็ได้นะครับ เพราะโหมดนี้จะตัดระบบช่วยการทรงตัวทั้งหลายออกไปหมด เรียกว่าใช้ฝีมือการควบคุมด้วยตัวเองล้วนๆ เลย
นอกจากเครื่องยนต์ที่ดุดันมากขึ้นแล้ว การทรงตัวก็ถือว่ามั่นใจได้ครับ กับสปริงที่ต่ำลงมากว่ารุ่นปกติ 3 ซม. ยางหน้าขนาด 245/35R20 ส่วนยางหลัง 285/30R20 ซึ่งเท่ค่อดๆ ถามว่าช่วงล่างกระด้างไหม กระด้างแน่ครับ ทั้งจากสปริงที่เตี้ยลง ยางหน้ากว้างแถมแก้มบางอย่างนี้ แต่ก็ไม่ได้กระด้างกระเด้งกระดอนอะไรมากมายนะครับ เป็นความกระด้างที่รับได้ ใช้งานในชีวิตประจำวันไม่มีปัญหา
ถามผมว่า น่าใช้หรือเปล่ากับราคาสนนค่าตัวที่ เปิดไว้ที่ 4.39 ล้านบาท เพื่อแลกกับรถบีเอ็มฯ นำเข้าแถมด้วยชุดแต่งเต็มๆ อย่างเคไลเนอร์ สปอร์ต มาด้วย ผมบอกได้เลยครับ ถ้ามีกำลังซื้อ แล้วชอบรถแรงๆ แต่ต้องแรงแบบไม่เหมือนใคร คุ้มครับ
ถ้านั่งหลังพวงมาลัย เคไลเนอร์ 520d F10 มีแต่คนหันมามองแน่ๆ
แต่หากไม่อยากเสียเงินมากนัก ก็ซื้อบีเอ็มฯ 520d จากบีเอ็มฯ ประเทศไทย แล้วมาใส่ชุดแต่งเคไลเนอร์ สปอร์ต ที่บีอาร์จีก็ไม่ผิดกติกา อะไรครับ
อย่างชุดแต่งสปอยเลอร์ 7 ชิ้น รอบคันก็ 3.23 แสนบาท ยางกับแม็กอีก 1.77 แสนบาท กล่องอีซียู 1.02 แสนบาท ไม่รวมการแต่งภายในนะครับ เอาแค่ภายนอกก็พอ
ลองดูครับ อยากให้รถบีเอ็มฯ ของคุณเหนือกว่าบีเอ็มฯ ของคนอื่นก็ต้องลงทุนกันหน่อย
แต่พวกคนทุนน้อยอย่างผม ขอแค่มองก็พอครับ !!!


