posttoday

"กสิกรไทย" ปรับทัพใหญ่

22 มกราคม 2556

ร้องครางฮือต้อนรับปี 2556 กันทั้ง “ธนาคารกสิกรไทย” เมื่อมีการประกาศแต่งตั้งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการแล้วทั้งหมด 40 คน!!

ร้องครางฮือต้อนรับปี 2556 กันทั้ง “ธนาคารกสิกรไทย” เมื่อมีการประกาศแต่งตั้งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการแล้วทั้งหมด 40 คน!!

เห็นแล้วธนาคารอื่นอาจสะดุ้งโหยง “บัณฑูร ล่ำซำ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ จะเฟ้นมือประสาน 10 ทิศอะไรขนาดนั้น

ระดับ บัณฑูร นี่คงไม่ใช่แค่เอาจำนวนเข้าข่ม ในมุมหนึ่งนี่คือการสร้างคน เพราะหากก้าวเท้าเข้าธนาคารลุ่มเจ้าพระยา มนุษย์พันธุ์เขียวที่นี่จะถูกเพาะเมล็ดเป็นต้นกล้าก่อนโตเป็นไม้ใหญ่แตกกิ่งก้านคลุมทั่วผืนป่า

ถ้าต้นไหนถูกตัด ก็ต้องปักชำขยายพันธุ์ขึ้นมาใหม่

กลยุทธ์เหล่านี้สำหรับธนาคารพาณิชย์ทั้งไทยและเทศจะมีความแตกต่างกัน การส่งไม้ต่อ การหาคนเป็นมือไม้ วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ “ซื้อ” แต่วิธีที่ยากที่สุดก็คือ “สร้าง” และแน่นอนว่าผลที่ได้ก็ย่อมต่างกันด้วย

เข้าสู่ปีใหม่กสิกรไทยจึงแต่งตั้งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการหรือผู้บริหารกลุ่ม ซึ่งเป็นระดับเทียบเท่าผู้ช่วยทั้งสิ้น 6 คน จากเดิมอยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส รวมทั้งมีการปรับเปลี่ยนหน้าที่รับผิดชอบในเนื้องานของรองกรรมการผู้จัดการและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการในบางคน ได้แก่ “จงรัก รัตนเพียร” รองกรรมการผู้จัดการสายงานการเงินและควบคุม ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องอัตราดอกเบี้ย อีกขาหนึ่งได้ควบตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย ซึ่งเดิมตำแหน่งนี้ “อำพล โพธิ์โลหะกุล” เคยดูแล ปัจจุบัน อำพล จึงเหลืองานเดียวคือ รองกรรมการผู้จัดการ ทำหน้าที่ผู้ร่วมบริหารสายงานบริหารยุทธศาสตร์องค์การ

“ขัตติยา อินทรวิชัย” รองกรรมการผู้จัดการ ซึ่งนานมาแล้วเคยรับผิดชอบธุรกิจบัตรเครดิต ก่อนเข้าไปดูแลฝ่ายบัญชี และต้องเปลี่ยนมาดูแลอัตราดอกเบี้ย งานไม่ซ้ำของเดิมอีกครั้ง โดยมี “ศันสนา สุขะนันท์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ เข้ามา ช่วยเป็นมือไม้อีกทางหนึ่ง

ส่วนผู้บริหารที่ช่วยให้กสิกรไทยภาพลักษณ์เอสเอ็มอีตีตลาดแตก “ปกรณ์ พรรธนะแพทย์” รองกรรมการผู้จัดการ ซึ่งได้รับมอบหมายให้มาดูแลลูกค้าบุคคลพักใหญ่ ก็ได้ตัดหน้าที่เครือข่ายการบริหารการขายให้ “เลิศศักดิ์ สุพิทยากุล” ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการดูแลแทน พร้อมทั้งแบ่งงานฝ่ายบริหารธุรกิจประกันลูกค้าบุคคลให้ลูกน้องอีกคน “กิติยา ฤกษ์ภูริทัต” ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ซึ่งขึ้นเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการดูแลด้วย

สำหรับผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการที่ขยับขึ้นจากผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสอีกโขยง ได้แก่ “ดิถีชัย ลิมโปดม” ดูแลลูกค้าบรรษัท “ภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ” ดูแลสายงานธุรกิจจีน ช่วยงาน “พิพิธ เอนกนิธิ” รองกรรมการผู้จัดการที่เชี่ยวกรากแดนมังกร “วิชัย ณรงค์วณิชย์” ดูแลสายงานบริหารความเสี่ยงองค์การ และ “จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์” ดูแลธุรกิจไปรเวตแบงก์

นี่จึงเป็นการจัดทัพมหึมาแบบที่เรียกได้ว่าหาก “บัณฑูร” กวักมือเรียกใช้ทุกพื้นที่ต้องพร้อม!!

คงเหลือเพียงเก้าอี้ใหญ่สุด “กรรมการผู้จัดการ” ที่วันนี้ยังไม่พร้อมเสียที

หากจำกันได้ ก.ค. 2553 บัณฑูร แถลงแสดงความยินดีกับ “ประสาร ไตรรัตน์วรกุล” อดีตกรรมการผู้จัดการ ที่ได้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เมื่อ ประสาร ไปเป็นผู้ว่าการ ธปท. ตำแหน่งนี้ก็ว่างลง บัณฑูร จึงต้องกลับมาเป็นหัวหน้าทีมในวัยแซยิดอีกครั้ง

ระหว่างนั้นก็มีการแต่งตั้ง 4 ภูมิ หรือ 4 ผู้บริหารร่วม ได้แก่ “กฤษฎา ล่ำซำ” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส เป็นผู้ประสานงานภูมิด้านธุรกิจ (Business Domain) ดูแลเรื่องการบริการลูกค้า สินเชื่อ และธุรกรรม การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ การตลาดทั่วไป

“ปรีดี ดาวฉาย” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส เป็นผู้ประสานงานภูมิด้านบริหารความเสี่ยง (Risk Domain) ดูแลเรื่องการบริหารความเสี่ยง การบริหารคุณภาพหนี้ การกำกับการปฏิบัติตามกฎ การตรวจสอบภายใน

“ธีรนันท์ ศรีหงส์” รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส เป็นผู้ประสานงานภูมิด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Domain) ดูแลเรื่องระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การปฏิบัติการ และโครงการ KTransformation

“สมเกียรติ ศิริชาติไชย” รองกรรมการ ผู้จัดการอาวุโส เป็นผู้ประสานงานภูมิด้านทรัพยากร (Resource Domain) ดูแลเรื่องการวางแผนด้านบุคคล การวางแผนการเงินและบัญชี และยุทธศาสตร์องค์การ

หากจะว่าไปแล้ว เมื่อย้อนดูประวัติ 4 หนุ่มใหญ่ ก็เป็นความบังเอิญที่ทั้งหมดได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการในรุ่นเดียวกัน คือปี 2544 ก่อนขยับขึ้นเป็นรองกรรมการผู้จัดการกันในปี 2547 โดยเริ่มจาก ปรีดี ที่ควงคู่มากับ สมเกียรติ ส่วน กฤษฎา กับ ธีรนันท์ ได้ขึ้นเป็นรองกรรมการผู้จัดการในปี 2549

ความสามารถทุกคนจึงมีความสมน้ำสมเนื้อ ขณะที่ความพะบู๊ของแต่ละคนก็ไม่ธรรมดา “ปรีดี” พี่ใหญ่เก่งเรื่องบริหารความเสี่ยง กฎระเบียบต่างๆ เป๊ะ เพราะเป็นนายแบงก์ที่จบนิติศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับ 2 ปัจจุบันผู้บริหารระดับสูงที่เป็นนายแบงก์ร่ำเรียนมาด้านนี้มีน้อยคนนัก

ส่วนคนหนุ่มรูปงาม “ธีรนันท์” ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอที อยากรู้เรื่องเทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ เขาคนนี้พร้อมเสิร์ฟ ทุกวันนี้ธุรกิจธนาคารต่างเอาเทคโนโลยีเข้าช่วย เพราะไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่แม้คนจะหันพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น ก็ใช่ว่าต้องละเลยการสื่อสารกับมนุษย์ด้วยกัน ทรัพยากรมนุษย์จึงเป็นเรื่องสำคัญขององค์กรขนาดใหญ่อย่างธนาคารพาณิชย์ เพราะเมื่อมีสาขาก็ต้องมีคน นี่คือหน้าที่บนบ่าของ “สมเกียรติ”

ขณะที่ “กฤษฎา” ทายาทตระกูลล่ำซำ บุตรชาย “ไพโรจน์ท่านผู้หญิงอรสา ล่ำซำ” ซึ่งหากไล่เรียงแล้ว กฤษฎา เป็นลูกพี่ลูกน้องของ บัณฑูร แม้นี่จะเป็นสัญลักษณ์ที่ทาบทับไว้กับกสิกรไทย แต่หากสลัดภาพคนในตระกูลแล้วดูเนื้อใน กฤษฎา ผ่านงานแล้วทั้งฝ่ายบริหารเงิน ฝ่ายเครดิตและหลักประกัน หรือกระทั่งฝ่ายปรับโครงสร้างหนี้ เขยิบทีละขั้น จึงรู้งานในธนาคารเป็นอย่างดี

เพียงแต่ชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ แต่เป็นคนหนุ่มโลกส่วนตัวสูง ทำให้ตำแหน่งใหญ่ที่สุดของธนาคารจึงยังไม่ได้ดั่งใจ บัณฑูร

เพราะหากจะเลือก “สมเกียรติ” อย่าง ที่บรรดาเขาเล่าว่า คนข้างในจะว่าอย่างไรก็ไม่เท่าคนข้างนอกมองอย่างไร

หนึ่งเพราะคนนั่งหัวโต๊ะธนาคารขนาดใหญ่ไม่ได้ขายความสามารถอย่างเดียว แต่ต้องขาย “บารมี” พ่วงด้วย

ยามนี้จึงไม่มีใครรู้ใจ “บัณฑูร” ว่าจะกดปุ่มไลค์ให้กับใคร ที่ว่าจะรู้ตัวชายงามในปีนี้อาจต้องรอเก้อ หรือถ้าคุยกันได้ก็หนีไม่พ้นแม่ทัพ บัณฑูร เหนื่อยหนักร่ายเวทย์คุมงานไม่ต่างจากเดิม

ข่าวล่าสุด

แข้งไทยช็อก! นำ 2 ตุง กลับพลิกแพ้ เวียดนาม 2-3 แค่รองแชมป์ซีเกมส์