ฮอนด้าซิตี้NGVประหยัดจริงแต่ค่าตัวแพง

โดย...นิธิ ท้วมประถม

ดองเค็มมาพอสมควรครับสำหรับการลองขับ ฮอนด้า ซิตี้ ที่ติดระบบก๊าซ NGV จากโรงงานฮอนด้ามาแต่กำเนิดคันนี้ ซึ่งต้องบอกว่ารถรุ่นนี้ถือเป็นรถที่ได้รับความนิยมมากพอตัว เพราะด้วยความที่เป็นรถขนาดเล็ก ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ซึ่งได้ชื่อว่าประหยัดอยู่แล้ว และเมื่อติด CNG เข้าไปด้วย ยิ่งประหยัดเข้าไปใหญ่

สำหรับรูปร่างหน้าตาของฮอนด้า ซิตี้ NGV ไม่มีอะไรแตกต่างจากฮอนด้า ซิตี้ รุ่นปกติครับ มีเพียงที่บั้นท้ายเท่านั้นที่มีป้ายคำว่า NGV ติดเอาไว้ เพื่อแสดงให้เพื่อนร่วมเดินทางคนอื่นรู้ถึงสายพันธุ์ของเราเสียหน่อยว่าบริโภคทั้งแก๊สโซฮอล์และ NGV

ซิตี้ NGV ที่ผมลองนั้นเป็นรุ่นท็อปครับ สนนราคาค่าตัวที่ 7.06 แสนบาท ซึ่งก็ต้องบอกว่าสูงพอตัวเหมือนกัน เพราะราคาระดับนี้กระโดดไปเล่นรถระดับ C-Car ที่ใช้เครื่องยนต์ระดับ 1.6 ลิตรได้เช่นกัน ซึ่งก็ต้องแลกกันแล้วครับว่าอยากได้รถเล็ก 2 พลังงาน หรืออยากได้รถใหญ่ขึ้นมาหน่อย แต่ใช้ได้เฉพาะแก๊สโซฮอล์

ภายในของซิตี้ NGV ที่ขับนั้น ไม่มีอะไรต่างกับซิตี้รุ่นท็อปปกติมากนัก จะมีก็แต่มาตรวัด ปริมาณก๊าซ CNG ที่อยู่ที่แดชบอร์ด ด้านขวามือของผู้ขับเท่านั้น ก็ไม่มีอะไรมากครับ มาตรวัดนี้มีหลอดไฟดวงเล็กๆ เรียงกันอยู่ 4 หลอด หากเติม NGV เต็มถังไฟเขียวก็จะติดครบ 4 ดวง และไฟจะดับลงทีละดวงตามปริมาณก๊าซที่ลดลงเรื่อยๆ

เมื่อทุกอย่างพร้อมก็สตาร์ตรถกันเลยครับ ไม่ต้องกังวลแล้วเดี๋ยวนี้ว่าจะต้องปรับระบบ|ใช้พลังงานให้เป็นน้ำมันก่อนแล้วค่อยสตาร์ต เพราะรถที่ติดตั้ง NGV ทุกรุ่นที่ขายอยู่จะตั้งระบบสตาร์ตให้ใช้น้ำมันก่อนอยู่แล้วครับ และเมื่อสตาร์ตได้สักพักระบบก็จะตัดกลับไปเป็นระบบก๊าซโดยอัตโนมัติเช่นกัน เช่นเดียวกับตอนที่ก๊าซ NGV หมดเหมือนกัน ระบบจะตัดกลับมาที่ระบบน้ำมันเอง ไม่ต้องห่วงว่ารถจะดับกลางทาง ถ้าน้ำมันยังมีในถังอยู่นะครับ

เมื่อรถเคลื่อนตัวออกไปได้ ต้องยอมรับครับว่า ทางฮอนด้าปรับจูนเครื่องยนต์มาเป็นอย่างดี ไม่มีอาการตื้อ ในช่วงการออกตัวให้รู้สึกรำคาญใจแต่อย่างใด แม้ว่าจะต้องแบกน้ำหนักถัง NGV กว่า 90 กก. ที่ติดตั้งอยู่บริเวณที่เก็บสัมภาระด้านหลังอยู่ตลอดเวลาก็ตาม

การออกตัวสำหรับการใช้งานในเมือง ผมถือว่าผ่านเลยครับ ซึ่งถือว่าผิดคาดไม่น้อยเหมือนกัน เพราะก่อนที่จะได้ขับเจ้าซิตี้ NGV ตัวนี้ ผมคิดในใจว่าต้องอืดแหงๆ แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิดครับ

การขับขี่ภายในเมืองสบายๆ ไม่มีปัญหา การเร่งแซงในช่วงระยะกระชั้นชิดก็ทำได้ดีพอสมควร แม้ว่าจะไม่ทันใจเท่ากับซิตี้รุ่นปกติ แต่ก็ถือว่ายังใช้งานได้อย่างสบายๆ

ส่วนในเรื่องของระบบช่วงล่าง ฮอนด้า ซิตี้ NGV ถูกเซตช่วงล่างให้สามารถรองรับกับการบรรทุกถัง NGV มาแล้วครับ โดยระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัต/เหล็กกันโคลง ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นทอร์ชันบีมแบบ H-shape/เหล็กกันโคลง ไม่ต้องห่วงว่าท้ายรถจะห้อยเหมือนกับรถที่เอาไปติดถัง NGV จากอู่นอกครับ

นอกจากตูดไม่ห้อยแล้ว ยังมีความนุ่มนวล เมื่อใช้งานในเมืองอีกด้วย เรียกว่าซื้อไปใช้พาคุณแม่ คุณพ่อ คุณลูก นั่งโดยสารได้แบบสบายใจครับ ไม่มีกระเด้งกระดอนแน่นอน

เมื่อเริ่มใช้งานในช่วงความเร็วสูง กำลังเครื่องก็ยังทำงานได้ดีพอควรเลยครับ ผมลองกดดู เพื่อเรียกม้าที่มีอยู่ 102 ตัว ที่รอบเครื่องยนต์ 6,500 รอบ/นาที มาวิ่งเรียกเหงื่อเสียหน่อยก็พอรับได้ครับ ความเร็วในระดับ 140 กม./ชม. และลากไปถึง 160 กม./ชม. ได้ไม่มีปัญหา แต่ออกจะตื้อๆ ไปหน่อย ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าด้วยน้ำหนักตัวที่มากกว่ารุ่นปกติกับการใช้ก๊าซ NGV ทำให้เครื่องจะอืดกว่าการใช้น้ำมันประมาณ 20% อยู่แล้ว

การทรงตัวทำได้ดี พวงมาลัยแม่นยำใช้ได้ ช่วงล่างไม่ปรากฏอาการร่อน พวงมาลัยสั่นให้เห็นในความเร็วระดับ 140 กม./ชม. ซึ่งถือว่าเป็นความเร็วที่พอเพียงสำหรับรถเล็กๆ อย่างนี้แล้วครับ หากอยากขับเร็วกว่านี้ กรุณาไปหารถที่เครื่องยนต์ใหญ่กว่านี้จะเหมาะกว่า

เอาเป็นว่าภาพรวมในส่วนของการใช้ซิตี้ NGV นั้นไม่มีปัญหาในเรื่องของสมรรถนะครับ ผมปรบมือให้ด้วยว่า ฮอนด้า ทำมาลงตัวดีทีเดียว

ส่วนในเรื่องความประหยัดก็ต้องแอบยิ้มเล็กๆ เวลาเติม NGV แต่ละครั้งเพราะควักกระเป๋าจ่ายค่าก๊าซไปแค่ 100 บาทนิดๆ เท่านั้น เรียกว่าเป็นการจ่ายที่เปี่ยมไปด้วยความสุขจริงๆ เติม NGV เต็มถังก็ตกประมาณ 65 ลิตร วิ่งในความเร็วปกติก็ 170 กม. หมดถัง แต่หากวิ่งด้วยความเร็วระดับ 120-140 กม./ชม. หาปั๊ม NGV เร็วหน่อยครับ เพราะแค่ 140 กม. ก็หมดแล้ว

เรื่องความประหยัดได้ใจไปเต็มๆ สมรรถนะก็ไม่ขี้เหร่ แต่ปัญหาคือกว่าจะเติม NGV ได้แต่ละครั้งต้องแลกกับเวลาในการต่อคิวไปครั้งละไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมง ถ้าไม่รีบร้อนก็ไม่มีปัญหาครับ จะเอาหนังที่โหลดไว้ในมือถือหรืออุปกรณ์ตระกูล I ทั้งหลายมาดูไปพลางๆ ก็ฆ่าเวลาดีไม่น้อย หรือจะนั่งดูเว็บผ่านมือถือก็ว่ากันไป หรือจะลงไปหาข้าวทานสักมื้อระหว่างรอเติมก๊าซก็ไม่ผิดกติกาอะไรครับ

นอกจากรอนานแล้ว สิ่งที่ยังทำให้ผมหัวหมุนอีกอย่างคือ การหาปั๊ม NGV มาเติมครับ เพราะแต่ละปั๊มคิวยาวเฟื้อยเลยทีเดียว ต้องไปลงชื่อคิวไว้ก่อนว่าจะเติม NGV เฮ้อ...เหนื่อยใจไม่น้อย

แต่ถ้าใครก็ตามที่มีปั๊ม NGV อยู่แถวบ้าน หรือมีบ้านอยู่ชานเมือง แล้วมีปั๊ม NGV อยู่ละก็ น่าสนไม่น้อยครับ กับราคาค่าตัวที่ 659,000-706,000 บาท แต่ถ้าไม่มีบ้านใกล้หรือเส้นทางการเดินทางในชีวิตประจำวันไม่เห็นปั๊ม NGV ละก็ อย่าไปใช้เลยครับ ไม่คุ้มแน่ๆ