ทรัพย์สินจุฬาฯรีเฟรชสยามฯชูโอเพนมอลล์หมื่นล.สู้ห้างหรู

สยามสแควร์แหล่งช็อปปิ้งทำเลทองกลางเมือง ที่อยู่เป็นขวัญใจวัยรุ่นเมืองกรุงมากว่าครึ่งศตวรรษ

เคยผ่านยุคเฟื่องฟูจนถึงขีดสุดและค่อยๆ ลดระดับลงตามสภาพท่ามกลางการแข่งขันของห้างระดับหรูที่อยู่รายรอบ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจ้าของพื้นที่จึงพยายามกระตุ้นบรรยากาศโดยรอบสยามสแควร์ให้กลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง

อีเวนต์ล่าสุด สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาฯ ได้ร่วมกับบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จัดงาน We Love Siam Square ภายใต้แนวคิด “Siam Street Fest” การแสดงนานาชาติตามท้องถนน โดยรวบรวมโชว์เด็ดๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมกิจกรรมการแสดงต่างๆ และสินค้าแฟชั่นที่จะมาลดกระหน่ำไม่ต่ำกว่า 50% ในวันที่ 22-23 ธ.ค.นี้ โดยหวังว่าจะสร้างสีสันให้สยามสแควร์ยังอยู่ในใจของเหล่านักช็อปต่อไป

เพิ่มยศ โกศลพันธุ์ รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กำกับดูแลสำนักงานจัดการทรัพย์สิน ของจุฬาฯ ยอมรับว่า สยามสแควร์อยู่มากว่า 50 ปีแล้ว อะไรที่อยู่มานานๆ ก็ย่อมจะต้องดาวน์ลง การจัดกิจกรรมของจุฬาฯ ที่ปีนี้ดึงเวิร์คพอยท์มาร่วมเป็นแม่งาน ก็เพียงอยากให้สยามสแควร์มีสีสันที่สดใสขึ้น และยังคงเป็นศูนย์กลางของทุกๆ คน

แม้ความพยายามที่รีเฟรชสยามสแควร์ให้กระชุ่มกระชวย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญไม่ให้ตกกระแสของผู้คน แต่อีเวนต์และกิจกรรมต่างๆ คงเป็นแค่กิจกรรมเฉพาะหน้าเพียงเท่านั้น เพราะจุฬาฯ เองก็มีแผนที่จะค่อยๆ เปลี่ยนโฉมสยามสแควร์ไปพร้อมๆ กับสัญญาเช่าอาคารต่างๆ บนเนื้อที่กว่า 60 ไร่ ของสยามสแควร์ที่ทยอยหมดอายุลงอยู่แล้ว

 

รองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า จุฬาฯ มีมาสเตอร์แพลนที่จะปรับปรุงสยามสแควร์อยู่แล้ว แต่จะเป็นการปรับปรุง หรือสร้างใหม่แบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ขึ้นอยู่กับจังหวะ และสัญญาเช่าที่จะหมดอายุลง โดยแนวคิดหลักสยามสแควร์จะยังคงเป็นโอเพน มอลล์ ที่สามารถเดินช็อปปิ้งได้ จะอยู่พื้นที่ตรงส่วนกลางของสยามสแควร์ ส่วนพื้นที่ริมถนนสายหลักคงจะพัฒนาเป็นอาคารสูงเพื่อให้ใช้ประโยชน์ที่ดินได้เต็มศักยภาพ

สำหรับโครงการหลักๆ ที่จะค่อยๆ ปรับโฉมสยามสแควร์ให้กลับมาทัดเทียมกับแหล่งช็อปปิ้งในพื้นที่ใกล้เคียง ในเบื้องต้นจะประกอบด้วย โครงการสยามสแควร์วัน หรือ SQ1 บริเวณหลังโรงหนังสยามเดิมที่ถูกเผาไปจากการชุมชนในปี 2553 มีเนื้อที่ 8 ไร่ ได้เริ่มพัฒนาเป็นโอเพน ช็อปปิ้ง มอลล์ สูง 7 ชั้น คาดว่าจะเสร็จและเปิดให้เอกชนเช่าพื้นที่ได้ในปลายปี 2556 และยังมีโครงการต่อเนื่อง หรือเรียกว่า SQ2 บริเวณโรงหนังลิโด้ที่สัญญาจะหมดอายุในปี 2556 ซึ่งจะต้องเจรจากับผู้เช่าเดิมก่อนว่าจะปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าวในแบบไหน

ส่วนอีกโครงการที่อยู่ในมาสเตอร์แพลนในการปรับโฉมสยามสแควร์ คือบริเวณโรงหนังสกาล่า ที่จะหมดสัญญาในปี 2559 ซึ่งรายงานข่าว ระบุว่า แผนที่จุฬาฯ วางไว้จะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นมิกซ์ยูสที่ผสมผสานระหว่างพื้นที่พาณิชยกรรมและการศึกษา ที่จุฬาฯ มีความพยายามดึงเรื่องการศึกษาให้เข้ามาอยู่ในสยามสแควร์ เหมือนที่ทำมาแล้ว ที่ตึกจามจุรีสแควร์บริเวณสามย่าน

นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่พัฒนาพื้นที่บริเวณบล็อก L ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ให้ดำเนินการพัฒนาพื้นที่ 4 ไร่ บริเวณดังกล่าวซึ่งเป็นอาคารจอดรถที่จุฬาฯ พัฒนาไปก่อนแล้ว 10 ชั้น อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมโนโวเทล โดยเบื้องต้นมีแผนจะพัฒนาต่อเป็นโรงแรมในชั้นที่ 11-34 หรือเป็นอาคารสำนักงาน

ทั้งหมดคือ 4 โครงการหลักในมาสเตอร์แพลนสำหรับการปรับปรุงเปลี่ยนโฉมสยามสแควร์ในเบื้องต้น นอกจากนี้ยังมีโครงการนอกพื้นที่สยามสแควร์ที่จุฬาฯ ได้เริ่มพัฒนาไปก่อนแล้วและจะสามารถเชื่อมโยงกับพื้นที่สยามสแควร์ได้ คือ โครงการจามจุรีสแควร์ บริเวณสามย่าน ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินหน้าโครงการจามจุรี สแควร์ 2 บริเวณหัวมุมถนนฝั่งตรงข้ามที่เป็นตลาดสามย่านเดิม ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มทีซีซี เจริญ สิริวัฒนภักดี ที่น่าจะได้โครงการนี้ไปเกือบๆ 100% โดยจะพัฒนาเป็นออฟฟิศ โรงแรม และที่อยู่อาศัย

ขณะที่โครงการอื่นๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่ เช่น โครงการที่จะคืนกำไรให้สังคม ได้แก่ โครงการสร้างสวนในพื้นที่สวนหลวงสามย่าน พื้นที่ประมาณ 20 ไร่ จะทยอยพัฒนาเป็นเฟสๆ เริ่มดำเนินการปี 2556 และโครงการขยายถนนจุฬาฯ ซอย 5 ที่เชื่อมระหว่างถนนพระราม 1 กับพระราม 4 จาก 12-13 เมตร เป็น 30 เมตร โดยแบ่งเป็นพื้นผิวจราจรครึ่งและอีกครึ่งจะเป็นถนนต้นไม้

นอกจากนี้ ในพื้นที่สวนหลวง-สามย่าน บริเวณซอย 9 ได้พัฒนาโครงการหอพักนิสิตนานาชาติและที่อยู่อาศัยเป็นอาคารสูง 20 กว่าชั้น 2 อาคาร เป็นที่พักนิสิตนานาชาติ ส่วนอีกอาคารเป็นที่พักอาศัยทั่วไป และจะมีการพัฒนาฟูด รีเทล ให้เป็นแหล่งรวมอาหารของจุฬาฯ และการพัฒนาในเชิงพาณิชย์ บริเวณแยกเจริญผล เป็นต้น ซึ่งโครงการเหล่านี้จะพยายามให้มีส่วนที่เชื่อมต่อกับพื้นที่สยามสแควร์ เพื่อเพิ่มจำนวนคนเข้า-ออกในพื้นที่ให้มากขึ้น

แผนการปรับปรุงสยามสแควร์และพื้นที่ใกล้เคียงอาจจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพและสถานการณ์ แต่ที่แน่ๆ หากมาสเตอร์แพลนที่วางไว้เสร็จสมบูรณ์เป็นรูปเป็นร่างที่สามารถจับต้องได้ตามที่ตั้งใจไว้ สยามสแควร์จะเป็นช็อปปิ้งสตรีต หรือโอเพนมอลล์ กลางเมืองที่มีเนื้อที่เยอะที่สุด และมีมูลค่าโครงการรวมที่ดินนับเป็นหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว

ส่วนการจะทำให้สยามสแควร์สามารถยืนหยัดต่อกรในสนามแข่งขันของห้างระดับหรูในพื้นที่เดียวกันได้หรือไม่นั้น เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็น