แจ๊กเจียรุ่น3จัด7กลุ่ม

ปูฐานตลาดไทยรับเปิดเออีซี ใช้100ล.เพิ่มผลิตพลาสเตอร์

รุ่น 3 กลุ่มแจ๊กเจียจัดทัพ 7 กลุ่มสินค้ารุกในประเทศครั้งใหญ่ ควัก 100 ล้าน ขยายผลิตพลาสเตอร์ หวัง 5 ปีพันล้าน

นายพงศ์รัตน์ อรุณวัฒนาพร กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการทั่วไป บริษัท แจ๊กเจีย อุตสาหกรรม (ไทย) ผู้ผลิตและทำตลาดสินค้าเวชภัณฑ์อุปโภคและบริโภค เปิดเผยว่า ในฐานะเป็นทายาทรุ่น 3 ของบริษัท ซึ่งอยู่ในตลาดประเทศไทยมานานกว่า 60 ปี โดยภายใน 5 ปีนับจากนี้ (2555-2560) ได้กำหนดนโยบายทำตลาดในประเทศ 7 กลุ่มสินค้าหลักเชิงรุกมากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมทำตลาดอาเซียน

สำหรับ 7 กลุ่มสินค้าของบริษัท คือ 1.เวชภัณฑ์ อาทิ พลาสเตอร์ยาเทนโซพล๊าส ไทเกอร์พล๊าส 2.เครื่องมือแพทย์ 3.น้ำมันยูคาลิปตัส ตราจิงโจ้ 4.เวชภัณฑ์ยา 5.สินค้าแป้งหอมตาบู 6.น้ำมันไฟแช็กรอนสัน และ 7.ลูกอมเม็ดนุ่มเจสันจูจุ๊บ โดยต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนครั้งใหญ่กว่า 100 ล้านบาท ขยายกำลังผลิตสินค้ากลุ่มเวชภัณฑ์พลาสเตอร์เพิ่มอีก 1 เท่าตัว ในโรงงงานเดิมที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง

ขณะเดียวกันล่าสุด บริษัทใช้งบกว่า 50 ล้านบาท เปิดตัวภาพลักษณ์ใหม่และทำตลาดสินค้าลูกอมเจสันจูจุ๊บในรอบ 5 ปี หลังจากแบรนด์ดังกล่าวอยู่ในตลาดมานาน 30 ปี และมีการปรับเปลี่ยนชื่อตราผลิตภัณฑ์เดิมที่ใช้ชื่อ ฮัทชิสันจูจุ๊บ ไปเมื่อ 5 ปีก่อนเช่นกัน ซึ่งการปรับโฉมแบรนด์ครั้งนี้ ยังไปพร้อมกับการปรับบรรจุภัณฑ์สินค้าใหม่ เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายหลักกลุ่มผู้ชายวัยทำงานอายุ 30 ปีขึ้นไปด้วย รวมทั้งทำกิจกรรมแจกสินค้าตัวอย่าง 1 ล้านชิ้นช่วง 3 เดือนนี้ เพื่อแนะนำสินค้าไปยังกลุ่มเป้าหมาย ส่วนราคาบริษัทได้ปรับราคาสินค้าใหม่จาก 15 เป็น 18 บาทต่อแผง บรรจุ 10 เม็ด ทั้ง 4 รสชาติ คือ สีแดง(เจสัน’ส จูจุ๊บส์ คลาสสิค) สีเขียว(เจสัน’ส จูจุ๊บส์ เฮอร์เบิล) สีเหลือง (เจสัน’ส จูจุ๊บส์ ฮันนี เลมอน) และสีส้ม(เจสัน’ส จูจุ๊บส์ ออเรนจ์)

บริษัทเห็นโอกาสในเซ็กเมนต์ลูกอมเม็ดนุ่ม มูลค่าราว 1,000 ล้านบาท จากตลาดลูกอมรวม 5,000 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 5-10% ซึ่งแม้จะมีผู้เล่นหลายรายในตลาด แต่ไม่ค่อยมีการจัดกิจกรรมตลาดเชิงรุกมาก ซึ่งนับจากนี้ไปบริษัทวางเป้าลูกอมเจสันจูจุ๊บ 3-5 ปี จะมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ประมาณ 20-30% ของตลาดรวม

นายพงศ์รัตน์ กล่าวว่า บริษัทจะทยอยจัดกิจกรรมตลาดสินค้าในกลุ่มอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ กลุ่มพลาสเตอร์ยา หลังจากที่มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ทั้งเพื่อทำตลาดในประเทศและขยายไปต่างประเทศมากขึ้น จากช่วงที่ผ่านมาบริษัททำตลาดส่งออกไปประเทศกลุ่มยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป็นต้น เพื่อสร้างฐานในประเทศให้แข็งแกร่งก่อน รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)

ทั้งนี้ ภายใน 5 ปีนับจากนี้ บริษัทวางเป้ารายได้ภายในประเทศอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท จากในปีนี้คาดอยู่ที่ 500 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนกว่า 10% มีรายได้รวมประมาณ 600 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ในประเทศ 400 ล้านบาท และจากการส่งออก 200 ล้านบาท