‘ดรีมเวิลด์’เปิดเกมรุกตลาด

ร่วมพันธมิตรช่วยเจาะวัยรุ่น ผวาท่วมซ้ำวางแผนรับมือน้ำ

โพสต์ทูเดย์ — ดรีมเวิลด์ เล็งหาพันธมิตรเสริม หวังขยายฐานกลุ่มวัยรุ่น พร้อมนำเข้าเครื่องเล่นใหม่ ตั้งเป้าขยายลูกค้าเพิ่ม 20%

น.ส.ปัญชลีย์ นิธิจิระโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท อะมิวส์เม้นท์ ครีเอชั่น ผู้บริหารสวนสนุกดรีมเวิลด์ กล่าวว่า บริษัทจะหาพันธมิตรที่มีกลุ่มเป้าหมายเดียวกับกลุ่มลูกค้าสวนสนุกดรีมเวิลด์ เพื่อทำกิจกรรมตลาดขยายฐานลูกค้ากลุ่มเป้าหมายร่วมกัน โดยล่าสุดได้กลุ่มอิชิตันมาเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของสวนสนุก เพื่อขยายลูกค้าในกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นลูกค้าหลักของสวนสนุกในขณะนี้

ทั้งนี้ สวนสนุกดรีมเวิลด์มีพันธมิตรที่เป็นผู้สนับสนุนหลักอยู่ก่อนแล้ว เช่น เป๊ปซี่ ไอศกรีมวอลล์ โอวัลติน พานาโซนิค เป็นต้น

“การมีพันธมิตรที่จับกลุ่มลูกค้าเดียวกันมาช่วยทำตลาด ทั้งการจัดอีเวนต์ การจัดแคมเปญ โปรโมชันต่างๆ ร่วมกัน จะทำให้มีพลังมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการตลาดในเชิงรุกของบริษัทที่จะทำให้มากขึ้น โดยจะหาพันธมิตรในลักษณะเดียวกันเข้ามาทำตลาดร่วมกันอีก นอกจากนี้จะเข้าไปทำตลาดออนไลน์และโซเชียลมีเดียให้มากขึ้น เพราะกลุ่มลูกค้าหลักของสวนสนุกในขณะนี้จะเป็นกลุ่มวัยรุ่นถึง 70%” น.ส.ปัญชลีย์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทจะนำเครื่องเล่นใหม่ๆ เข้ามาให้บริการเพิ่มโดยเฉลี่ยปีละ 1 เครื่อง จากปัจจุบันมีเครื่องเล่นอยู่ 26 เครื่อง ในปลายปีจะนำเครื่องเล่นใหม่ชื่อว่าทอร์นาโด มาให้บริการเพิ่มอีก 1 เครื่อง ซึ่งการทำตลาดในเชิงรุกมากขึ้น และการนำเครื่องเล่นใหม่มาให้บริการเพิ่ม คาดว่าจะช่วยดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการได้อีก 20% จากลูกค้าที่เข้าสวนสนุกดรีมเวิลด์ปีละ 2 ล้านคน

สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักของสวนสนุกดรีมเวิลด์ยังเป็นกลุ่มคนไทย 80% แบ่งเป็นลูกค้าทั่วไป 50% และลูกค้าองค์กร 30% และต่างชาติทั้งที่เป็นกรุ๊ปทัวร์และลูกค้าทั่วไป 20% โดยในส่วนของคนไทยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและครอบครัวที่นิยมมาเที่ยวสวนสนุก มีการใช้จ่ายต่อหัวประมาณ 500 บาท โดยบริษัทยังคงราคาตั๋วเข้าสวนสนุกไว้เท่าเดิม คือ เด็ก 120 บาท และผู้ใหญ่ 150 บาท ส่วนตั๋วเข้าพร้อมเครื่องเล่นราคา 430 บาท

น.ส.ปัญชลีย์ กล่าวอีกว่า ยังไม่แน่ใจสถานการณ์น้ำในปีนี้ โดยมีโอกาสท่วมเหมือนปีที่แล้ว 50:50 บริษัทจึงได้เตรียมแผนในการป้องกันน้ำท่วมเอาไว้แล้ว หลังจากปีที่แล้วได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจนทำให้ต้องหยุดให้บริการไปนานถึง 3 เดือน โดยในปีนี้จะทำการเสริมคันดินให้สูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว นอกจากนี้ทางผู้บริหารได้มีการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำกันอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้เตรียมตัวแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที