การสืบทรัพย์บังคับคดี
คนไทยหนี้สินท่วมตัว ธปท.ห่วงสินเชื่อส่วนบุคคล รถยนต์ บ้าน หนี้เสียส่อเค้าเพิ่มขึ้น การขยายตัวของสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น
โดย...เดชา กิตติวิทยานันท์
คนไทยหนี้สินท่วมตัว ธปท.ห่วงสินเชื่อส่วนบุคคล รถยนต์ บ้าน หนี้เสียส่อเค้าเพิ่มขึ้น การขยายตัวของสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น ทั้งภาคครัวเรือนมีการก่อหนี้มากขึ้น จากที่เคยมีการผิดนัดชำระ 1-2 เดือน ขณะนี้มีการผิดนัดเกิน 3 เดือนแล้ว ซึ่งสินเชื่อที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือสินเชื่อส่วนบุคคลและลีสซิงบ้าน
ผลจากการค้างชำระหนี้ ทำให้เจ้าหนี้ทั้งสถาบันการเงินและบุคคลธรรมดา งัดกลยุทธ์และเทคนิคต่างๆ ที่จะทำให้ลูกหนี้ชำระหนี้ ทั้งการทวงหนี้ เจรจาต่อรอง มีทั้งประสบผลสำเร็จและไม่สำเร็จ ส่งผลให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม นำคดีขึ้นสู่ศาลเพื่อบังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้ต่อไป
เจ้าหนี้หลายรายได้รับชำระหนี้ แต่ก็ยังมีอีกจำนวนมากที่ลูกหนี้ผิดนัด สาเหตุอันเนื่องมาจากไม่มีงานทำ ไม่มีทรัพย์สินที่จะนำมาชำระหนี้ ใช้การเงินนอกระบบที่เจ้าหนี้ไม่สามารถบังคับเอากับลูกหนี้ได้ ทนายคลายทุกข์ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบทรัพย์บังคับคดี ขอนำเทคนิคการสืบทรัพย์บังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลมานำเสนอให้กับสถาบันการเงิน เจ้าของกิจการ หรือเจ้าหนี้ที่เป็นบุคคลธรรมดา ให้ทราบถึงเทคนิคการสืบทรัพย์บังคับคดีตามคำพิพากษาของลูกหนี้ต่อไป
1.การสืบทรัพย์บังคับคดีหลังจากมีคำพิพากษาในคดีแพ่ง
ป.วิ.พ.มาตรา 271 ถ้าคู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายแพ้คดี (ลูกหนี้ตามคำพิพากษา) มิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลทั้งหมดหรือบางส่วน คู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะ (เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา) ชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง โดยอาศัยและตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น
2.ทรัพย์สินทุกชนิดของลูกหนี้สามารถยึดมาชำระหนี้ได้ทั้งหมด
ป.วิ.พ.มาตรา 283 ถ้าจะต้องยึดหรืออายัดและขายทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามความในมาตราก่อน เจ้าพนักงานบังคับคดีชอบที่จะยึดหรืออายัดหรือขายบรรดาทรัพย์สินที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาภายใต้บังคับบทบัญญัติมาตรา 284 และ 288
ถ้าเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ยึดทรัพย์อันจะต้องยึดภายในเวลาอันควร ต้องทำโดยปราศจากความระมัดระวังหรือโดยสมรู้เป็นใจกับลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือบุคคลใดซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์ที่จะต้องยึด หรือเพิกเฉยไม่กระทำการโดยเร็วตามสมควร เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้ต้องเสียหายเพราะการนั้น อาจยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ ถ้าศาลไต่สวนเป็นที่พอใจว่าข้ออ้างนั้นเป็นความจริง ก็ให้ศาลมีคำสั่งว่าเจ้าพนักงานผู้นั้นตกอยู่ในความรับผิด จำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่เกินกว่าจำนวนตามคำพิพากษา ถ้าเจ้าพนักงานไม่ชำระค่าสินไหมทดแทนตามคำสั่งของศาล ศาลอาจออกหมายบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของเจ้าพนักงานผู้นั้นได้ แต่ถ้าเจ้าพนักงานมีความสงสัยในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำชี้ดังกล่าวแล้ว ซึ่งบุคคลอื่นนอกจากเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ยึดนั้นมีชื่อเป็นเจ้าของในทะเบียน เจ้าพนักงานนั้นชอบที่จะงดเว้นยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้น และร้องต่อศาลให้กำหนดการอย่างใดๆ เพื่อมิให้ตนต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวมาแล้ว
3.ห้ามเจ้าหนี้ยึดหรืออายัดทรัพย์ของลูกหนี้เกินกว่าที่พอชำระหนี้
ป.วิ.พ.มาตรา 284 เว้นแต่จะได้มีกฎหมายบัญญัติไว้ หรือศาลจะได้มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ห้ามไม่ให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเกินกว่าที่พอจะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา พร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมในคดีและค่าธรรมเนียมในการบังคับคดี อนึ่ง ถ้าได้เงินมาพอจำนวนที่จะชำระหนี้แล้ว ห้ามไม่ให้เอาทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดออกขายทอดตลาดหรือจำหน่ายด้วยวิธีอื่น
ความรับผิดต่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือต่อบุคคลภายนอกเพื่อความเสียหายถ้าหากมี อันเกิดจากการยึดและขายทรัพย์สินโดยมิชอบหรือยึดทรัพย์สินเกินกว่าที่จำเป็นแก่การบังคับคดีนั้น ย่อมไม่ตกแก่เจ้าพนักงานบังคับคดี แต่ตกอยู่แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เว้นแต่ในกรณีเจ้าพนักงานบังคับคดีได้กระทำการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้
ทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้องที่เจ้าหนี้นิยมยึดหรืออายัดมาชำระหนี้
1.เงินสด/เงินในบัญชีธนาคาร/เงินปันผล
2.ที่ดินปลอดจำนอง/สิ่งปลูกสร้าง
3.ทรัพย์ที่มีทะเบียน เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เครื่องจักร ทรัพย์สินภายในบ้าน
4.พันธบัตรรัฐบาล
5.สิทธิเรียกร้อง/เงินตามสัญญาจ้าง
6.หุ้นในตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาดหลักทรัพย์
7.ทรัพย์สินทางปัญญา/สิทธิในการใช้นาม/ยี่ห้อ
บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทวงหนี้หรือการสืบทรัพย์บังคับคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้ สอบถามมาได้ที่โพสต์ทูเดย์ หรือทนายคลายทุกข์ ยินดีให้คำแนะนำ


