posttoday

ทำงเนกับ "น้ำหวาน" ทำงานแบบ "เชฟไอซ์"

02 กันยายน 2555

ธุรกิจติดดาววันนี้มารู้จักกับธุรกิจการทำน้ำหวาน แต่ไม่ใช่น้ำหวานแบบน้ำแดง น้ำเขียว น้ำเฮลซ์บลูบอย

ธุรกิจติดดาววันนี้มารู้จักกับธุรกิจการทำน้ำหวาน แต่ไม่ใช่น้ำหวานแบบน้ำแดง น้ำเขียว น้ำเฮลซ์บลูบอย แต่เป็นน้ำหวานค็อกเทล ที่มีหลากหลายถึง 40 รสชาติเลยทีเดียว

น้ำหวานค็อกเทลนี้ สามารถนำไปทำผลิตภัณต์ต่างๆ ได้อย่างหลากหลายและนำไปสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้คุณได้ชนิดที่คิดไม่ถึง

วิโรจน์ฉัตร รักษ์กิจกุล เจ้าของผลิตภัณฑ์น้ำหวานเชฟไอซ์ เล่าให้ฟังว่า ได้เปิดร้านน้ำแข็งไสแบบคีออสก์ครั้งแรกเมื่อปี 2539 ใช้ชื่อร้านว่า “เกล็ดหิมะมหัศจรรย์เชฟไอซ์” ซึ่งสูตรน้ำหวานได้มาจากการที่เคยไปศึกษาเป็นบาร์เทนเดอร์ ที่รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา เป็นน้ำแข็งไสที่ใช้เครื่องไสทันสมัย แทนมือหมุนแบบบ้านๆ ได้การตอบรับดีมีมากถึง 27 สาขา ก็มองโอกาสธุรกิจ ขยับขึ้นมาเป็นผู้ผลิตน้ำหวาน โดยเน้นว่าต้องไม่ใส่สารเคมี นี่เป็นที่มาของแบรนด์ “เชฟไอซ์”

เราสั่งน้ำหวานนำเข้าจากต่างประเทศ เพราะต้องการผลิตภัณฑ์ที่ดี ไม่ใส่สารเคมี สิ่งเหล่านี้กลายเป็นแรงบันดาลใจนำมาสู่การเปิดโรงงานผลิตน้ำหวานของตัวเอง เป็นโรงงานเล็กๆ ใช้เงินลงทุนประมาณ 5 แสนบาท ทำตลาดด้วยการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย

ขณะเดียวกันก็เข้าไปแนะนำตัวกับผู้ประกอบการไปทั้งกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด อาทิ ร้านอาหาร ร้านขนม ร้านเครื่องดื่ม เดินสายออกบูธแนะนำสินค้า แจกสูตร สอนวิธีผสมเครื่องดื่ม

รวมถึงจับมือกับคณะอุตสาหกรรมการอาหารและการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในโครงการสนับสนุนพัฒนาสินค้าใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อพัฒนาน้ำหวานผสมเนื้อผลไม้แท้ๆ ไม่ผสมสารเคมี

วิโรจน์ฉัตร เผยว่าแนวคิดหลักที่เน้นคือ ทำสินค้าดีๆ ให้ผู้บริโภคทาน จึงไม่ใช้วัสดุกันเสียเข้าไปในตัวสินค้า ขณะที่น้ำหวานส่วนใหญ่จะใส่สารกันบูดกัน แต่น้ำหวานเชฟไอซ์ เราจะทำทุกอย่างให้มันเป็นธรรมชาติ ไม่มีสารให้ความหนืด เชฟไอซ์ก็เอาตรงนี้มาเป็นจุดแข็ง

คนไทยเราอาจจะไม่ค่อยได้รับรู้เรื่องพวกนี้ ไม่ค่อยคุ้น เพราะคนไทยจะเข้าใจว่าถ้าน้ำหวานเหนียวๆ จะดี แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ ที่น้ำหวานเหนียวๆ บางครั้งมันเกิดจากแป้ง แป้งในเนื้อน้ำหวานนี่แหละ

แต่ของเชฟไอซ์จะไม่เหนียวมาก แต่จะมีความหอมมาก นี่คือความแตกต่าง

สำหรับการทำตลาดซึ่งถือว่าเป็นความยาก เพราะความคุ้นเคยของผู้บริโภคเอง มีแค่น้ำเขียว น้ำแดง น้ำส้ม เท่านั้น วิโรจน์ฉัตรบอกว่า เขาอยู่ในตลาดแบบบลูโอเชียน จึงเน้นทำตลาดแบบเอสเอ็มอีเล็กๆ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เราทำตลาดเล็กๆ ขึ้นมาโดยเจาะกลุ่มผู้ประกอบการในร้านเครื่องดื่มต่างๆ ร้านน้ำผลไม้ปั่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ จะเจาะกลุ่มพวกนี้ ไม่ไปเจาะกลุ่มลูกค้าทางบ้าน

ผลตอบรับที่เกิดขึ้นถือว่าดีมาก คนไหนที่ใช้สินค้าก็บอกว่าสินค้าเราเป็นสินค้าที่ดี

ทำงเนกับ "น้ำหวาน" ทำงานแบบ "เชฟไอซ์"

 

สินค้าของวิโรจน์ฉัตรที่เป็นหัวเชื้อน้ำหวานจึงเริ่มติดตลาด เพราะมีความแตกต่าง

ความแตกต่างก็คือ เรามีเนื้อน้ำหวานจากการพัฒนาสินค้าขึ้นมาเรื่อยๆ ในที่สุดก็มีเชฟไอซ์ พลัส ซึ่งก็คือน้ำหวานที่มีเนื้อเข้มข้น เนื้อผลไม้แท้ๆ เช่น กล้วย แตงโม กีวี สตรอเบอร์รี ฝรั่ง มะม่วง เอาเนื้อผลไม้แท้ๆ มาทำ โดยที่ไม่ต้องใส่สารกันบูด

ปกติผลไม้สดอย่างมากก็อยู่ได้แค่ 2-3 วันก็เสียแล้ว ต้องทิ้ง แต่เมื่อสกัดออกมาอยู่ในขวด อยู่ในกระบวนการควบคุมอยู่ได้เป็นปี

สงสัยกันใช่มั้ยว่า หัวเชื้อน้ำหวานจากผลไม้ต่างๆ นี้จะสามารถนำมาทำธุรกิจที่จะมาสร้างเงินให้คุณได้อย่างไร

วิโรจน์ฉัตร สาธิตให้เห็นว่า หัวเชื้อน้ำหวานของกล้วยสามารถนำมาผสมเป็นน้ำหวานนมกล้วย ก็สามารถรับประทานได้อย่างอร่อยชื่นใจ

น้ำหวานหัวเชื้อกีวีนำมาผสมกับโซดา ก็จะกลายเป็นกีวีโซดา ซ่าแบบที่มีเนื้อผลไม้กีวีผสมอยู่

วิธีการทำก็ง่ายมาก เริ่มจากเทผลิตภัณฑ์น้ำหวานหัวเชื้อแค่ 1 ออนซ์ แล้วก็เทนมเปรี้ยวไปอีก 6 ออนซ์ ปิดฝากระบอกเชก เขย่าให้เข้ากัน เทใส่น้ำแข็ง 1 แก้ว แค่นี้ก็เสร็จ ได้เครื่องดื่มที่หวานเย็นชื่นใจ

ต้นทุนจริงๆ น่าจะอยู่แค่ 7-8 บาทเท่านั้น แต่ถ้าขายกันในแถวสยามก็ตก 45 บาท ถ้าเป็นร้านอาหารก็น่าจะตก 70 บาท

หัวเชื้อน้ำหวานค็อกเทลสามารถพลิกแพลงได้หลากหลาย เอาโอวัลติน หรือ โกโก้ กาแฟ มาใส่ ก็จะออกมาเป็นนมกล้วยโอวัลติน นมกล้วยโกโก้ นมกล้วยกาแฟ

ทั้งหมดอยู่ที่การสร้างสรรค์ อยู่ที่เราจะสร้างคุณค่า หรือเราจะใส่ผลิตภัณฑ์อะไรลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ

อย่างน้ำกีวีโซดา ก็ใส่หัวเชื้อน้ำหวานกีวี 1 ออนซ์เท่านั้น จากนั้นก็เติมโซดา 5 ออนซ์ แล้วก็เขย่าให้เข้ากัน ทีนี้ก็จะได้กีวีโซดา ที่สีสันสวยงาม สูตรเดียวกับโรงแรมเลย แล้วก็จะอร่อยด้วยเพราะของโรงแรมจะไม่มีเนื้อ แต่ของเชฟไอซ์มีเนื้อผลไม้

ถามว่าปกติเขาขายกันเท่าไร ที่โรงแรมหรูๆ ขาย 80 บาท แต่ถ้าตามร้านทั่วไปก็ 3540 บาท

น้ำฝรั่งแช่บ๊วย ก็แค่เอาบ๊วยที่เราเห็นทั่วไปตามร้านกาแฟโบราณ เอามาขยี้ 2 เม็ด แล้วก็ใส่มันลงไปในน้ำหวาน เติมน้ำสะอาดน้ำสุก จากนั้นก็ปิดฝาเขย่า แล้วเราก็จะได้น้ำฝรั่งแช่บ๊วยอร่อยไว้รับประทาน 1 แก้ว

เครื่องเชกหรือกระบอกใส่น้ำหวานที่เขย่าก็เป็นพลาสติกไม่ต้องกลัวแตก

เห็นหรือยังว่า การทำเครื่องดื่มแต่ละประเภทของเชฟไอซ์ สามารถประกอบอาชีพได้ ถ้าใครอยากจะติดต่อขอมาทำธุรกิจก็ง่ายมาก

วิโรจน์ฉัตร บอกว่า ขณะนี้มีโปรโมชันพิเศษเพื่อเผยแพร่ให้กับคนไทยได้รู้จักโดยไม่เอากำไร ใช้เงินเพียง 3,000 บาท ก็ได้หัวน้ำหวานเป็นชุดเล็ก มีน้ำหวานประมาณ 24 ขวด จะเอาไปทำขายได้ประมาณเกือบหมื่นบาท

ชุดที่สองใช้เงินประมาณ 6,900 บาท มีเคาน์เตอร์มีอุปกรณ์สำหรับประกอบธุรกิจขายน้ำหวานให้ แค่คุณมีทำเลเล็กๆ ก็สามารถค้าขายได้ โดยบริษัทของวิโรจน์ฉัตรจะมีการอบรมให้ฟรี

ขณะนี้เชฟไอซ์เปิดแฟรนไชส์ได้ประมาณ 2 เดือน ปัจจุบันมีอยู่ 100 กว่าสาขาทั่วประเทศ รายได้ต่อสาขาต่อวันก็จะอยู่ไม่ต่ำกว่า 1,500-2,000 บาท แล้วแต่ทำเลที่ขาย แล้วก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณจะตั้งราคาเท่าไรด้วย

วันนี้เชฟไอซ์ที่ขายหัวเชื้อน้ำหวานไม่จำกัดวงในการทำธุรกิจแค่ในประเทศเท่านั้น ยังส่งออกไปในฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น

ถ้าใครต้องการทำธุรกิจ ทำน้ำปั่น น้ำหวาน เพียงคุณหาทำเลดีๆ และคุณมีความตั้งใจที่จะทำธุรกิจนี้ เชื่อว่า ธุรกิจน้ำหวานเชฟไอซ์ จะสร้างเงินให้กับคุณแน่นอนนนแ

 

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2