บสย.ทุ่มหมื่นล.ค้ำกู้เอสเอ็มอีเป้า6แสนราย

บสย.รุกช่วยเอสเอ็มอีไร้เครดิต ค้ำกู้เอสเอ็มอี 6 แสนราย ที่อยากได้เงินทุนแต่หลักประกันไม่พอ

เมื่อวันที่ 25 ก.ค.นี้ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือกับสภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อให้ความช่วยเหลือค้ำประกันเงินกู้ให้กับสมาชิกที่ต้องการกู้เงินจากสถาบันการเงิน แต่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเพียงพอ

นายวิบูลย์ เพิ่มอารยวงศ์ กรรมการผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่า บสย.ตั้งวงเงินค้ำประกันผู้ประกอบการหน้าใหม่ 1 หมื่นล้านบาท สำหรับการเข้าไปค้ำประกันเงินกู้ครั้งนี้ ทาง บสย. จะคิดค่าธรรมเนียมการเข้าไปค้ำประกัน 1.75% แต่ในรายที่เป็นผู้ประกอบใหม่ ทาง บสย.จะยกเว้นค่าธรรมเนียมในปีแรกให้

นายวิบูลย์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ของไทย มีประมาณ 3 ล้านราย มีเพียง 1 ล้านราย ที่มีเครดิตเพียงพอได้รับเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์

“ที่เหลืออีกจำนวน 2 ล้านราย ทาง บสย. ประเมินว่ามีถึง 6 แสนราย ที่มีความสินเชื่อจากธนาคารแต่มีหลักทรัพย์ไม่เพียงพอ ซึ่งทาง บสย. ได้พยายามสร้างพันธมิตรในหลายๆ ช่องทาง เพื่อเข้าไปช่วยผู้ประกอบการกลุ่มนี้ให้ได้สินเชื่อมากที่สุด” นายวิบูลย์ กล่าว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา 1 เดือน บสย. ได้เปิดตัวการค้ำประกันสินเชื่อเป็นรายกลุ่ม ซึ่งมีผู้ประกอบการขอให้ทาง บสย. ค้ำประกันถึง 1,000 ราย เป็นวงเงินค้ำประกัน 3,400 ล้านบาท เป็นสินเชื่อที่ผู้ประกอบการได้รับ 5,500 ล้านบาท

สำหรับการค้ำประกันรวมของ บสย. ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2555 มีผู้ประกอบการที่การค้ำประกัน 6.43 หมื่นราย เป็นวงเงินค้ำประกัน 1.89 แสนล้านบาท เป็นวงเงินสินเชื่อที่ผู้ประกอบการได้รับ 3.12 แสนล้านบาท

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า สมาชิกของ ส.อ.ท. เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีถึง 79% การร่วมมือกับ บสย. ครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ให้สมาชิกเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ดีขึ้น

ขณะที่นางพรทิพย์ หิรัญเกตุ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า สมาชิกของสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ 80% เป็นเอสเอ็มอีและยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อ ทั้งที่เป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้ให้กับประเทศจำนวนมาก ครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นอีกก้าวหนึ่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่จะเตรียมตัวให้พร้อมการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในอีก 3 ปีข้างหน้า

นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง ยืนยันว่านโยบายของรัฐบาลต้องการให้ บสย. ปรับเงื่อนไขการค้ำประกันให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้บริการมากขึ้น หลังมีข้อสรุปว่ายอดค้ำประกันที่ยังไม่สูงเกิดจากขาดหลักประกัน ทำให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ต้องหันไปพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ ซึ่งคิดดอกเบี้ยสูงมาก