posttoday

Walrus Music School โรงเรียนดนตรีสำหรับเด็ก

13 มีนาคม 2553

...ชนิกา สุขสมจิตร

การเรียนดนตรี ต้องเรียนเพื่อกลับไปเล่นด้วยตัวเองได้ในอนาคต ไม่ใช่เรียนเพื่อสอบผ่านเท่านั้นนี่คือคำพูดเน้นย้ำของ ตติยะ เกียรติสุไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท วอลรัส มิวสิค เซ็นเตอร์ เจ้าของโรงเรียนสอนดนตรี Walrus Music School หรือ ครูกั๊กของเด็กๆ ที่ใช้แนวคิดนี้มาจุดประกายในการเปิดโรงเรียนดนตรี สร้างหลักสูตรการเรียนการสอนดนตรีเพื่อเด็ก โดยพยายามฉีกแนวไปจากโรงเรียนสอนดนตรีทั่วไป

ตติยะ กล่าวว่า แนวคิดของ Walrus Music School คือ การสอนดนตรีที่ผสมระหว่างดนตรีคลาสสิกกับป๊อปเข้าด้วยกัน โดยนำความสมัยใหม่ของเพลงไทยมาใช้เป็นเพลงสอนการเล่นดนตรี เพราะที่ผ่านมาระบบการศึกษาด้านดนตรีของไทยยังมีทักษะการสอนที่ควรจะพัฒนาให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะการสอนดนตรีเพื่อให้เด็กกลับไปเล่นได้ ไม่ใช่สอนเพื่อให้สอบผ่านอย่างเดียว

นอกจากนี้ การฝึกเด็กให้เรียนดนตรีต้องนำความรู้พื้นฐานดนตรีมาผสมกับแนวเพลงที่เด็กในปัจจุบันรู้จัก ไม่ใช่สอนเฉพาะเพลงของบีโธเฟน โมสาร์ต หรือโชแปง แต่ต้องนำเพลงป๊อปที่เด็กๆ ได้ยินได้ฟังมาผสมในการสอนด้วย เพราะจะทำให้เด็กซึมซับการเรียนได้เร็วกว่า

ขณะเดียวกัน ก่อนการสอนจะต้องศึกษานิสัย พฤติกรรมของเด็ก ชอบฟังเพลงอะไร ไม่ชอบเพลงอะไรด้วย เพื่อนำมาจัดหลักสูตรการสอนให้เหมาะสม รวมทั้งต้องขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง สนับสนุนให้เด็กใส่ใจกับการฝึกซ้อมดนตรีที่บ้านด้วย

ตติยะ ย้ำว่า จุดเด่นของ Walrus Music School คือ ตัวหลักสูตรถูกออกแบบมาพิเศษสำหรับเด็กแต่ละคนโดยเฉพาะ เพราะเด็กแต่ละคนมีระดับความสามารถและความสนใจที่ไม่เท่ากัน หลักสูตรนี้เรียกว่า คลาสสิก มิกซ์ ป๊อป เป็นการสอนดนตรีแนวใหม่ นำพื้นฐานของดนตรีคลาสสิก มาใช้ในการเรียน ผสมกับเพลงป๊อปที่เด็กๆ รู้จักกันเป็นอย่างดีแล้ว เพื่อให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว และจดจำได้เป็นอย่างดี

ที่สำคัญ ครูสอนดนตรีของที่นี่เป็นผู้ที่เรียนด้านดนตรีมาโดยตรง มีประสบการณ์ตรง และเข้าใจในตัวเด็กแต่ละคนเป็นอย่างดี อีกทั้งโรงเรียนยังเน้นกิจกรรมพิเศษ เช่น การออกไปจัดคอนเสิร์ตนอกสถานที่ เพื่อให้เด็กได้ลองเล่นกับสถานการณ์จริง

หลักสูตรที่เปิดสอน ประกอบไปด้วย เปียโน สอนเด็กอายุตั้งแต่ 4 ขวบขึ้นไป เน้นการเล่น การอ่าน และการฟังโน้ต

กีตาร์ สอนเด็กอายุตั้งแต่ 4 ขวบครึ่งขึ้นไป สอนกีตาร์คลาสสิก และนำกีตาร์ไฟฟ้าเข้ามาแทรกในบทเรียนเพื่อให้ได้บรรยากาศของดนตรีแนวร็อก อีกทั้งยังมีโอกาสได้ร่วมเล่นกับวงด้วย

ไวโอลิน สอนเด็กอายุตั้งแต่ 4 ขวบครึ่งขึ้นไป เป็นหลักสูตรที่สร้างขึ้นให้ง่ายสำหรับการเรียนรู้ โดยมีเพลงสำหรับไวโอลินในรูปแบบที่ไม่ซ้ำใคร ทั้งแนวอาร์แอนด์บี ฮิปฮอป และป๊อป

นอกจากนี้ ยังมีการสอน ร้องเพลง สอนเด็กตั้งแต่อายุ 4 ขวบครึ่งขึ้นไป หลักสูตรนี้นักเรียนจะถูกปั้นเหมือนร้องในห้องอัดเสียง หรือร้องออกเวทีคอนเสิร์ต โดยจะได้เรียนร้องเพลงอย่างละเอียดทุกคำ ทุกประโยค รวมทั้งการฝึกใช้เสียงจากส่วนต่างๆ

สุดท้าย เบส สอนเด็กตั้งแต่อายุ 6 ขวบขึ้นไป และ กลองชุด สอนตั้งแต่เด็กอายุ 4 ขวบครึ่งขึ้นไป โดยมีขนาดเครื่องดนตรีที่เหมาะสมกับเด็ก สามารถสอนให้เด็กวัย 4 ขวบครึ่ง ตีกลองเข้ากับวงได้

ตติยะ แนะนำว่า ช่วงอายุของเด็กที่เหมาะกับการเรียนดนตรีควรเริ่มตั้งแต่ 4 ขวบขึ้นไป เนื่องจากเครื่องดนตรีบางชนิดต้องอาศัยทักษะของนิ้วมือที่แข็งแรงไม่ว่าจะเป็นเปียโน หรือไวโอลิน หากอายุน้อยกว่านี้อาจจะทำให้เล่นเครื่องดนตรีได้ไม่ถนัด

อายุที่เหมาะที่สุดคือ 4 ขวบครึ่ง กำหนดเวลาเรียนวันละ 30 นาที หากเป็นเด็ก อายุ 46 ขวบ เรียนสัปดาห์ละ 2 วัน แต่ถ้าเป็นเด็กที่โตขึ้นมาอีกนิด ก็ใช้เวลาเรียน 1 ชั่วโมง เหตุผลที่ใช้เวลาเรียนต่อวันไม่มาก เนื่องจากเด็กเล็กจะมีสมาธิค่อนข้างสั้น ดังนั้นไม่ควรจะจัดเวลาเรียนให้นานเกินไป ประกอบการเรียนในแต่ละครั้งจะใช้ครู 1 คน ประกบนักเรียน 1 คน จึงทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพ

ส่วนค่าใช้จ่ายในการเรียนคอร์สละ 8,000 บาท คิดเป็น 12 ชั่วโมง ซึ่ง ตติยะ ยอมรับว่า อัตราค่าเรียนจะสูงกว่าโรงเรียนดนตรีแห่งอื่น แต่การจัดหลักสูตรของเขาไม่เหมือนที่อื่น โดยเฉพาะการดูแลเอาใจใส่เด็กยืนยันว่าครอบคลุมได้ดีกว่า ซึ่งต่างจากที่อื่นที่มีลักษณะการเรียนเป็นกลุ่มๆ ทำให้บางครั้งมีข้อบกพร่องในการสอนได้ง่าย

ตติยะ กล่าวว่า ตั้งแต่เปิด Walrus Music School มาเกือบ 3 ปี ถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดีในระดับหนึ่ง เพราะเน้นเรื่องคุณภาพทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ปกครอง

สำหรับการดำเนินงานของ Walrus Music School ยังมีเพียงสาขาเดียวที่ถนนพัฒนาการ เพราะจะเน้นเรื่องคุณภาพมากกว่าจำนวนเด็กที่มาเข้าเรียน บางคอร์สจะสอนด้วยตัวเอง จึงไม่ต้องการเปิดสาขาจำนวนมาก โดยเฉพาะการตั้งอยู่ในทำเลห้างสรรพสินค้า หลายคนจะมองว่าเกิดความสะดวกกับผู้ปกครองในระหว่างที่นั่งรอลูกๆ มาเรียนดนตรี แต่ส่วนตัวกลับมองว่าอาจทำให้เด็กเสียสมาธิกับบรรยากาศภายนอกที่จูงใจมากกว่า

ปัจจุบัน Walrus Music School มีครูสอนดนตรีทั้งหมด 15 คน เปิดสอนในช่วงเวลาหลังเวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงหลังเลิกเรียน มีห้องเรียนทั้งหมด 10 ห้อง คุณครูแต่ละคนจะแยกคนละห้องต่อนักเรียน 1 คน

ในส่วนของเนื้อหาของหลักสูตรการเรียนดนตรี จะพยายามปรับอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเพลงที่นำมาสอน อย่างการสอนไวโอลินก็มีการทำเพลงในลักษณะของอาร์แอนด์บี หรือฮิปฮอป ซึ่งจะทำให้น่าสนใจ แทนที่จะเป็นเพลงเก่าๆ ที่อาจไม่ร่วมสมัย

พร้อมกันนี้ ยังจัดทำโครงการสอนดนตรีในโรงเรียนต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้เด็กๆ ที่สนใจเรียนดนตรี ด้วยการนำเครื่องดนตรีจริงเข้าไปสอน พร้อมกับการให้คำแนะนำความรู้ที่เกี่ยวข้องกับวิชาดนตรี ซึ่งที่ผ่านมาได้เข้ามาสอนให้กับโรงเรียนสาธิตบางนา โรงเรียนทรงวิทยา อนุบาลทรงวิทย์ เป็นต้น

ในช่วงปิดเทอมก็มีโครงการจัดกิจกรรม Walrus Music Camp แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ 1.ระดับเด็กเล็ก 46 ขวบ ฝึกสอนทักษะด้านดนตรี พร้อมกับมีกิจกรรมทางด้านศิลปะและการทำอาหาร ควบคู่กันไปด้วย

2.ระดับเด็กโตอายุ 11 ขวบขึ้นไป จะสอนการเล่นวงดนตรีร่วมกัน การฝึกซ้อมดนตรี ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อไปประกวดแข่งขัน เป็นต้น

ตติยะ ทิ้งท้ายด้วยว่า เด็กๆ ที่เรียนดนตรีจากโรงเรียนของเขา ได้วิชาและสามารถเล่นดนตรีได้แน่นอน

สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 023187534

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมซีเกมส์ 2025 วันนี้ 15 ธ.ค. 68 ลิ้งก์ดูสด ถ่ายทอดสดช่องไหน