Cabin crew arm the door and cross check.
โดย...ม.ล.อัจฉราพร ณ สงขลา
โดย...ม.ล.อัจฉราพร ณ สงขลา
v(Zero Error 11)
ผู้เขียนขอเขียนเรื่องแนวคิดและการใช้ประตูเครื่องบินในมุมกว้างสักเล็กน้อย หากเรามองลงไปในรายละเอียดแล้ว จะเห็นว่ากระบวนการสร้าง Zero Error ในการปฏิบัติการเกี่ยวกับประตูเครื่องบินทั้งในการออกแบบ และการใช้งานปกติกับการใช้งานในภาวะฉุกเฉินนั้นได้ซ่อนตรรกะไว้หลายเรื่อง ซึ่งท่านอาจจะนำไปประยุกต์หรือเป็นแนวคิดในการสร้าง Zero Error กับบางส่วนในองค์กรของท่านได้ค่ะ
ใครเพิ่งเริ่มอ่านตอนนี้ หากได้ย้อนไปอ่านตอนที่ผ่านมาเมื่อวันอังคารที่แล้ว ก็น่าจะได้เนื้อหาเต็มที่มากกว่าอ่านตอนนี้ตอนเดียวค่ะ
และเมื่ออ่านจบเรื่องนี้แล้ว อาจต้องกลับไปย้ายประตูหน้าต่างหรือเจาะประตูบ้านเพิ่มขึ้นหรือเปล่าก็สุดแท้แต่นะคะ
ประตูเครื่องบินนั้นเป็นทางรอดของชีวิตของทุกคนที่อยู่ในเครื่องบินในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งหมายรวมทั้งพวกลูกเรือที่ปฏิบัติการบินและผู้โดยสาร
หากเราพิจารณาโครงสร้างของเครื่องบิน ไม่ว่าจะเป็นการดูจากภายนอกตัวเครื่องบิน หรือนั่งดูภายในเครื่องบิน เราจะเห็นว่าเครื่องบินแต่ละลำมีประตูอยู่มากมาย ทั้งด้านซ้ายด้านขวา
เครื่องบินลำใหญ่จุผู้โดยสารมาก ก็จะมีจำนวนประตูมากกว่าเครื่องบินลำเล็ก เครื่องบินที่มี 2 ชั้นอย่าง B747 และ A380 ยังมีประตูไว้ที่ชั้นบนทั้งด้านซ้ายและด้านขวาด้วย
ในการใช้งานปกติ เขาไม่ได้เปิดใช้ประตูทุกบานหรอกค่ะ เขาจะเปิดประตูเพียง 1 หรือ 2 ประตู ด้านซ้ายเครื่องบินเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็น 2 ประตูด้านหน้าซ้ายเครื่องบิน แต่บางครั้งก็เปิด 1 ประตูด้านหน้าเครื่องบิน และ 1 ประตูท้ายด้านซ้ายของเครื่องบิน ส่วนประตูทางด้านขวาของเครื่องบิน เขาจะใช้ในการนำอาหารขึ้นไปส่งให้ลูกเรือบริการผู้โดยสาร ซึ่งมักจะเป็นประตู 1 และประตู 2 ด้านขวา
เอแล้วประตูที่เหลืออยู่อีกมากมายเขาไว้ทำอะไรคะ?
เขามีไว้ให้ผู้โดยสารหนีออกจากเครื่องบินในกรณีฉุกเฉินค่ะ
การปฏิบัติการบิน นักบินต้องนำเครื่องบินขึ้นและลงให้ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งก็ถือว่าได้สร้าง Zero Error ทางการบินในเที่ยวบินนั้นๆ ได้แล้ว แต่เรื่องอุบัติเหตุนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยมิได้คาดหมายในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา สมมติว่าอุปกรณ์บังคับการบินบางชิ้นไม่ตอบสนองต่อการบังคับเครื่องบินในช่วงวิ่งขึ้น นักบินตัดสินใจหยุดเครื่องบินในช่วงที่กำลังวิ่งขึ้นกะทันหัน ทำให้เครื่องบินไปหยุดอยู่นอกทางวิ่ง แล้วเกิดไฟไหม้เครื่องยนต์ที่ปีกขวาของเครื่องบิน ทำให้กัปตันสั่งให้ลูกเรืออพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินทันที ถึงตอนนั้นแหละค่ะ เราจะเห็นว่าทำไมเขาจึงติดตั้งประตูไว้มากมายที่เครื่องบิน
เมื่อ Zero Error เกี่ยวกับอุปกรณ์ในการวิ่งขึ้นล้มเหลว เขาก็ต้องสร้าง Zero Error ในการอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบิน ซึ่งก็หมายถึงประตูที่เหลืออยู่ต้องมีเพียงพอให้ผู้โดยสารอพยพออกจากเครื่องบินได้อย่างปลอดภัยเป็นประการแรก และระบบการจัดการให้ผู้โดยสารหนีออกจากเครื่องบินได้อย่างปลอดภัยเป็นประการต่อมา
ย้อนกลับไปเมื่อก่อนเครื่องบินจะถอยออกมาตั้งลำ ก่อนจะเคลื่อนตัวไปยังทางวิ่งได้นั้น หลังจากลูกเรือได้ปิดประตูสุดท้ายของเครื่องบิน แล้วหัวหน้าลูกเรือหรือนักบินสั่งว่า
“Cabin crew arm the door and cross check.” ซึ่งหมายถึงให้ลูกเรือซึ่งรับผิดชอบแต่ละประตูติดไกการทำงานเข้าสู่การทำงานในระบบ Automatic และ Slide ที่แต่ละประตูให้พร้อมทำงาน ในการเปิดประตูเครื่องบินกรณีฉุกเฉิน
ในกรณีตัวอย่างข้างบนนี้ ประตูที่ได้ติดไกการทำงานหลังจากเปิดออกไปในระบบ Automatic และยังทำให้ Slide ซึ่งติดอยู่ที่ประตูกางออก Slide รุ่นใหม่ ใช้เวลาเพียง 6 วินาที ก็จะพองลมเต็มที่พร้อมให้ผู้โดยสารกระโดดหนีออกจากเครื่องบิน จากนั้นเราอาจจะได้ยินเสียงพนักงานซึ่งอยู่ที่ประตูตะโกนประโยคเหล่านี้
“Form one line.”
“Come this way.”
“Jump and slide, Jump and slide,
HurryJump, Jump,
Jump and slide.”
ผู้โดยสารจะต้องรีบไปกระโดดหนีออกจากเครื่องบินที่ประตู ซึ่งใช้งานได้ออกไปให้เร็วที่สุด
ครูกิตติ บอกว่า ใครไปยืนลังเลอยู่ที่ประตูแล้วเกิดเปลี่ยนใจไม่อยากกระโดดไม่ได้นะคะ พนักงานจะดันเอวให้กระโดดลงไปค่ะ
คนที่กระโดดลงไปแล้ว ครูกิตติก็บอกว่าอย่าไปยืนอ้อยอิ่งรอเพื่อนที่ยังไม่กระโดดลงมา หรือยืนเสียดายกระเป๋าราคาแพงที่ยังอยู่บนเครื่องบิน ท่านต้องวิ่งไปให้ไกลทางเหนือลมสัก 200 เมตรเป็นอย่างน้อย เพราะเป็นระยะห่างพอที่จะพ้นอันตรายจากชิ้นส่วนที่ลอยมาจากการระเบิดของเครื่องบินและปลอดภัยจากควันพิษจากการเผาไหม้ที่เครื่องบิน
ตรงนี้แหละค่ะเราจะมองกลับไปตอนที่หลังจากลูกเรือสั่งปิดประตูแล้วเขาสั่งว่า
“Cabin crew arm the door and cross check.”
เนื้อความในคำสั่งหากพิจารณาแล้วมี Key Message อยู่ 2 ส่วน ส่วนแรก คือ “Arm the door” และอีกส่วนนั้น คือ “Cross Check”
“Arm the door” ก็คือการติดไกทำงานให้กับ Slide พร้อมทำงาน
แล้วทำไมต้องมีคำว่า “Cross Check” อีกล่ะคะ
ที่มี “Cross Check” เพื่อให้เกิด Zero Error หรือเพื่อไม่ให้เกิดความบกพร่องในการติดไก Slide ให้กับประตูค่ะ
ลูกเรือซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่นั่งอยู่ติดกัน รวมทั้งลูกเรือซึ่งรับผิดชอบประตูฝั่งตรงข้ามต้องร่วมกันทำ Cross Check คือได้ร่วมกันเช็คด้วยว่า ลูกเรือที่รับผิดชอบประตูตรงข้ามได้ Arm หรือติดไกประตูให้พร้อมทำงานในกรณีฉุกเฉินแล้วยัง หากเขายังไม่ทำก็ถือเป็นความบกพร่อง (Error) เพื่อไม่ให้เกิดความบกพร่อง คนที่อยู่ประตูอีกฝั่งหนึ่งด้านตรงข้ามก็ต้องไปติดไกประตูให้ (เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาก็อาจถูกหักเงินเดือนด้วยกัน) ทำอย่างนี้ก็เพื่อให้เกิด Zero Error ขึ้น
Cross Check ช่วยทำให้เกิด Zero Error ค่ะ
ที่ทำงานขององค์กรใดหากมีตรงจุดที่มีโอกาสพลาดหรือเกิดความบกพร่องทางสถิติที่สูง หรือเกิด Error บ่อยครั้ง โดยเฉพาะเรื่องที่มีความเสี่ยงสูง เราต้องไม่ปล่อยให้มีการทำงานเดี่ยวค่ะ และในตรรกะการทำงานในเครื่องบินเขาจะออกแบบให้มีผู้ร่วมกันรับผิดชอบ 2 คนเป็นอย่างน้อย และมีระบบ Cross Check ควบคู่กันไปตลอด แต่การให้คนร่วมรับผิดชอบกัน ก็ใช่ว่าจะทำให้เกิด Zero Error ได้ 100% ก็ยังมีโอกาสพลาดอยู่อีกค่ะ
เอ ถ้างั้นจะทำไงคะ
(อ่านต่อวันอังคารหน้าค่ะ)


