ไฮเนเก้นปรับสโลแกนมุ่งดนตรี

ไฮเนเก้น ปรับสโลแกนทั่วโลกมุ่งกลยุทธ์ดนตรีแนวใหม่ควบ‘เซนเซชัน’แบรนด์โปรดักชันดนตรีระดับพรีัเมียม ย้ำภาพเบียร์อิืนเตอร์ฯ

นายอัศวิน โรจน์เมธาทวี ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเบียร์ไฮเนเก้น บริษัททีเอพี เทรดดิ้ง ผู้ทำตลาดผลิตภัณฑ์เบียร์ไฮเนเก้น เปิดเผยว่าบริษัทแม่ ได้ปรับสโลแกนใหม่เบียร์ไฮเนเก้นภายใต้คำขวัญ ‘โอเพน ยัวร์ เวิลด์’ พร้อมกันทั่วโลกตั้งแต่ปีก่อน จากเ้ดิมใช้สโลแกน‘อิท คูล์ด บี ไฮเนเก้น’ ซึ่้งเปิดตัวในไทยปีนี้

สำหรับสโลแกนใหม่ดังกล่าว จะรับกับ2แนวทางการทำตลาดผลิตภัณฑ์เบียร์ไฮเนเก้น ที่ให้ความสำคัญกับ กีฬาและดนตรี เป็นหลัก โดยเฉพาะกลยุทธ์การทำตลาดผ่านดนตรี(มิวสิค มาร์เก็ตติง) ภายใต้นวัตกรรมใหม่ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ในไทย

พร้อมกันนี้เบียร์ไฮเนเก้น ได้ร่วมกับ‘ไอดีแอนด์ที’ บริษัทผู้จัดกิจกรรมดนตรีแนวหรูระดับโลกจากประเทศเนเธอร์แลนด์ นำเสนอโครงการดนตรี  ‘เซนเซชัน’ ร่วมเปิดประสบการณ์ดนตรีกับผู้บริโภค เพื่อทำตลาดระดับภูมิภาคเอเชียเป็นครั้งแรก ใน3ประเทศ คือ เกาหลี, ไทยและ ไต้หวัน 

ทั้งนี้บริษัทจะเปิดตัวโครงการดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ระดับพรีเมียมภายใต้ชื่อ ‘ไฮเนเก้นพรีเซนตส์ เซนเซชัน:เดอะ โอเชียน ออฟ ไวท’ โดยจะแสดงในประเทศไทยเป็นแห่งที่สองในเอเชีัย วันที่18ส.ค.นี้ ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งรองรับผู้ชมได้ 1หมื่นคน โดยการแสดงจะยาวต่อเนื่อง8ชม.

สำหรับกิจกรรมตลาดนี้ ยังเป็นการโค-แบรนดิงแบรนด์ระดับพรีเมียมร่วมกัน เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์เ้บียร์ไฮเนเก้นที่เป็นเบียร์ระดับบน และขยายกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภคคนรุ่นใหม่อายุ 25ปีขึ้นไป จากเดิมที่ไฮเนเก้น สนับสนุนดนตรีแจสมานาน10ปี ซึ่งปัจจุบันกลุ่มเป้าหมายนี้มีอายุมากกว่า30ปีขึ้นไป

“จากนี้ไปไฮเนเก้น จะไม่ใช้แพล็ทฟอร์มดนตรีแนวแจสแล้ว และเชื่อว่าผู้บริโภคมีความเข้าใจ ซึ่งในฐานะผู้นำตลาดเบียร์พรีเมียมจะต้องไปสร้างนวัตกรรมใหม่ๆจากแคมเปญที่ใหญ่สุดในรอบ7ปี” นายอัศวิน กล่าว

สำหรับผลดำเนินการผลิตภัณฑ์เบียร์ไฮเนเก้นในปีที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราเติบโตคงที่ใน10เดือนแรกปีก่อน เนื่องจากยอดขายในเดือนต.ค.ชะลอตัวจากปัญหาการขนส่งสินค้าหลังประสบภัยน้ำท่วทใหญ่ ซึ่งในส่วนของโรงงานบริษัทยังผลิตได้ตามปกติถึงปัจจุบัน

ขณะที่ปีนีบริษัทคาดมีอัตราเติบโตราว3% จากภาพรวมตลาดเบียร์เติบโตราว 5% โดยมีกลุ่มเบียร์ราคาประัหยัด(อีโคโนมี) เติบโตสูงสุด โดยไฮเนเก้นครองส่วนแบ่งตลาดเบียร์รวม 4% และเป็นผู้นำตลาดเบียร์ระดับบน81% หรือกว่า7แสนล้านลิตร จากมูลค่าตลาดเบียร์พรีเมียมโดยรวมอยู่ที่กว่าล้านล้่านลิตร