‘วันดี’แยกกลุ่มจาก‘ชาญชัย’
ยันไม่ได้ขัดแย้งในSPCG ตั้งกสิกรไทยเป็นที่ปรึกษา
ยันไม่ได้ขัดแย้งในSPCG ตั้งกสิกรไทยเป็นที่ปรึกษา
กลุ่ม “กุญชรยาคง” แจ้งสิ้นสุดการเป็นบุคคลในกลุ่มเดียวกับ “ชาญชัย” หลังร่วมกันปั้น “เอสพีซีจี” ยันไม่ได้ขัดแย้ง พร้อมตั้ง บล.กสิกรไทยเป็นที่ปรึกษา
น.ส.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี (SPCG) เปิดเผยว่า กลุ่ม “กุญชรยาคง” ซึ่งถือหุ้นใหญ่ใน SPCG สัดส่วน 66% ได้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ถึงการสิ้นสุดความเป็นบุคคลในกลุ่มเดียวกัน (Concert Party) กับนายชาญชัย กุลถาวรากร ซึ่งถือหุ้นใน SPCG สัดส่วน 10% เนื่องจากนายชาญชัยไม่ได้นั่งเป็นกรรมการในบริษัท SPCG แล้ว
“เดิมคุณชาญชัยกับกลุ่มกุญชรยาคงเป็นบุคคลในกลุ่มเดียวกันที่ร่วมกับครอบงำกิจการ (Acting in Concert) บริษัท สตีล อินเตอร์เทค โดยคุณชาญชัยเข้ามาให้คำแนะนำเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ การเพิ่มทุน และการจัดหาแหล่งเงินทุน แต่หลังจากที่กระบวนการควบรวมเสร็จสิ้น และ SPCG สามารถดำเนินธุรกิจและระดมทุนได้ด้วยตัวเองแล้ว คุณชาญชัยจึงขอไปทำธุรกิจอย่างอื่น และเมื่อคุณชาญชัยไม่ได้นั่งเป็นกรรมการในบริษัทแล้ว จึงไม่มีอำนาจในการบริหารจัดการ ดังนั้นการเป็นบุคคลในกลุ่มเดียวกันจึงสิ้นสุดลง” น.ส.วันดี กล่าว
ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้มีความขัดแย้งกับนายชาญชัย เพราะที่ผ่านมาการบริหารงานทำในรูปแบบของคณะกรรมการ ไม่ได้ยึดที่ตัวบุคคลเป็นหลัก ขณะที่นายชาญชัยยังถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 10% และยังไม่มีแนวคิดที่จะขายหุ้นออกแต่อย่างใด โดยล่าสุดบริษัทได้แต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เข้ามาเป็นที่ปรึกษาทางการเงินแทน โดยเชื่อว่าจะเป็นที่ยอมรับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสร้างความโปร่งใสให้กับผู้ถือหุ้น
น.ส.วันดี กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้เริ่มพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์มอีก 3 โครงการ ประกอบด้วย บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (ขอนแก่น 5) ได้เริ่มก่อสร้างโซลาร์ฟาร์มขนาด 7.46 เมกะวัตต์ ในเดือน พ.ค. 2555 โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ ขณะที่บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 9) ได้เริ่มก่อสร้างโซลาร์ฟาร์มขนาด 7.46 เมกะวัตต์ ในเดือน พ.ค. 2555 เช่นกัน โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาส 3 ปีนี้
นอกจากนี้ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (ขอนแก่น 8) ได้เริ่มก่อสร้างโซลาร์ฟาร์มขนาด 7.46 เมกะวัตต์ ในเดือน พ.ค. 2555 โดยมีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยโซลาร์ฟาร์มทั้งสามโครงการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กมากกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และได้รับเงินสนับสนุน (Adder) จากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน จำนวน 8 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 10 ปี
ทั้งนี้ บริษัท โซล่าร์ เพาเวอร์ พัฒนาโซลาร์ฟาร์มเสร็จแล้ว และจำหน่ายไฟฟ้าให้ กฟภ.แล้ว 7 โครงการ โดยบริษัทคาดว่าโครงการทั้งหมด 34 โครงการ จะแล้วเสร็จในปี 2556 นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะรุกตลาดต่างประเทศ โดยมองไปที่ อินโดนีเซีย อินเดีย และญี่ปุ่น


