อาหารทะเลเล็งไปพม่าลดต้นทุนค่าจ้าง
ผู้ประกอบการอาหารทะเลเริ่มออกสำรวจแหล่งวัตถุดิบใหม่ เล็งน่านน้ำพม่า หาก 3 เดือนปรับตัวรับค่าจ้าง 300 บาทไม่ได้ ย้ายโรงงานไปพม่า
ผู้ประกอบการอาหารทะเลเริ่มออกสำรวจแหล่งวัตถุดิบใหม่ เล็งน่านน้ำพม่า หาก 3 เดือนปรับตัวรับค่าจ้าง 300 บาทไม่ได้ ย้ายโรงงานไปพม่า
นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารอยู่ระหว่างการปรับตัวกับการขึ้นค่าจ้าง 300 บาทต่อวัน โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมประมง อาหารทะเล และอาหารทะเลแปรรูป ที่ต้องมีการจ้างงานเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเริ่มหาทางลดต้นทุน ออกไปสำรวจแหล่งวัตถุดิบประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า เนื่องจากเป็นประเทศที่มีชายฝั่งทะเลยาว กองเรือสามารถไปหาวัตถุดิบบริเวณนั้น แล้วนำส่งขึ้นชายฝั่งมาแปรรูปสินค้าในประเทศพม่าได้ ซึ่งหากผ่านไป 3 เดือนแล้วไม่สามารถแบกรับต้นทุนค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นได้ คงต้องมีการปรับฐานการผลิตกันบ้าง
สาเหตุที่ต้องมีการสำรวจแหล่งวัตถุดิบต่างๆ หรือการพยายามลดต้นทุน เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทยมีตลาดรองรับอยู่แล้วในกรณีที่เป็นสินค้าส่งออก แต่ผู้ผลิตไม่ได้มีแค่ไทยเพียงรายเดียว จึงต้องหาวิธีลดต้นทุนการผลิตเพื่อแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่นให้ได้ เพราะการเจรจาขอขึ้นราคาสินค้ากับลูกค้าทำได้ยาก
ขณะเดียวกันอาจมีการแบ่งสายการผลิตที่ต้องใช้แรงงานมากไปไว้ในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนสายการผลิตที่ต้องใช้แรงงานฝีมือในการทำ หรือสินค้าที่ต้องมีการเพิ่มมูลค่าก็จะยังคงไว้ในเมืองไทยต่อไป เพราะแรงงานไทยยังมีฝีมือมากกว่า ซึ่งโรงงานแต่ละแห่งมีการผลิตสินค้าหลายประเภท ทั้งการขายในเชิงวัตถุดิบ หรือสินค้าอาหารแปรรูป
รวมทั้งผู้ประกอบการเล็กและใหญ่จะใช้วิธีจ้างผลิตมากขึ้น ในขั้นตอนผลิตที่ใช้กำลังคนมากไม่ต้องผลิตเองทุกขั้นตอนจ้างผลิตสินค้าสำเร็จรูปมาเลยแล้วค่อยนำมาบรรจุหีบห่อเอง เพื่อลดต้นทุน และลดจำนวนแรงงานจากการผลิตทุกขั้นตอนใช้คน 10 คน ก็จะเหลือใช้แรงงานแค่ 3 คน ซึ่งเชื่อว่าผู้ประกอบการรายเล็กก็จะหันมาใช้วิธีนี้มากขึ้น
“โรงงานอาหารทะเลแต่ละแห่ง เช่น โรงงานกุ้ง ปลา ต้องใช้แรงงานกง่า 1,000 คน ในการแกะกุ้ง แร่ปลา ซึ่งต้องใช้เวลาดูประมาณ 3 เดือน ว่าจะลดค่าใช้จ่ายได้ด้วยวิธีใดบ้าง” นายวิศิษฎ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เรื่องการขึ้นราคาสินค้าคงจะเห็นกันบ้างแน่นอน และก็มีโอกาสที่จะขึ้น แต่คงไม่สามารถขึ้นได้ทุกประเภท เพราะสินค้าอาหารอยู่ในรายการสินค้าควบคุมเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ประกอบกาต้องประคองธุรกิจและค่อยๆ ปรับตัวไป


